คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3923/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินค่าตอบแทนที่โจทก์จ่ายให้บริษัท ด. นิติบุคคลต่างประเทศเป็นค่าบริการในการที่บริษัท ด. เป็นผู้ดำเนินการออกแบบแปลนและแผนผังในการสร้างโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกให้โจทก์ รวมทั้งการติดตั้งเครื่องจักรด้วยโดยไม่ปรากฏว่าบริษัท ด.ได้ให้เทคโนโลยี่อย่างใดแก่โจทก์ มิใช่เป็นเงินค่าสิทธิตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (3) แต่ถือได้ว่าเป็นเงินค่าบริการทางด้านวิศวกรรม อันเป็นวิชาชีพอิสระตามมาตรา 40 (6) ซึ่งหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 ตามมาตรา 70 (4)
ในชั้นโจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ แม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนการเสียเงินเพิ่มโดยขอมาลอย ๆ มิได้อ้างเหตุอย่างใด ก็ถือว่าโจทก์ได้กล่าวเป็นการอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องเงินเพิ่มไว้แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในประเด็นเรื่องเงินเพิ่มต่อศาลได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของจำเลยได้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย พร้อมเงินเพิ่มเป็นเงิน ๒,๔๖๐,๗๙๐.๖๘ บาท โดยอ้างว่าในปี ๒๕๓๑ โจทก์ได้ส่งเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๒) และ (๓) แห่งประมวลรัษฎากรไปให้บริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด และบริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด แต่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๗๐ แห่งประมวลรัษฎากรไว้ไม่ถูกต้อง โจทก์ไม่เห็นด้วยกับการประเมินดังกล่าว จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ต่อมาโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ซึ่งวินิจฉัยว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินถูกต้องและชอบแล้ว โจทก์เห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบ ขอให้ศาลเพิกถอนการเมินตามหนังสือแจ้งให้นำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลเลขที่ ต.๔/๑๐๔๘/๒/๐๓๘๐๒ ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๙ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ ๑๒๗/๒๕๓๐/๑ ลงวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๐ แต่ถ้าศาลเห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้วก็ขอให้งดเรียกเก็บเงินเพิ่ม ๔๑๐,๙๖๕.๑๑ บาท
จำเลยให้การว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้วเพราะเงินได้ที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด เป็นเงินได้จากการรับทำงานให้อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๒) มิใช่เงินได้จากวิชาชีพอิสระอันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๖) ตามที่โจทก์อ้างและเงินได้ที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด ก็เป็นเงินค่าสิทธิอันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๓) การหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งของโจทก์จึงไม่ถูกต้อง โจทก์จะต้องเสียภาษีเพิ่มตามที่ได้รับแจ้งการประเมิน และต้องเสียเงินเพิ่มตามกฎหมายเพราะโจทก์มิได้นำส่งภาษีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ และในชั้นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โจทก์ก็ไม่ได้อุทธรณ์ในประเด็นเงินเพิ่ม โจทก์จึงไม่มีอำนาจยกประเด็นเงินเพิ่มมาฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งให้นำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลเลขที่ ต.๔/๑๐๔๘/๒/๐๓๘๐๒ ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๙ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ ๑๒๗/๒๔๓๐/๑ ลงวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๐
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาในชั้นอุทธรณ์มีว่าเงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ) จำนวน ๒๐,๕๙๘,๒๕๖.๒๔ บาทนั้น เป็นเงินค่าบริการทางด้านวิศวกรรม อันถือเป็นวิชาชีพอิสระ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๐ (๖) หรือเป็นค่าสิทธิตามมาตรา ๔๐ (๓) และโจทก์มีอำนาจฟ้องประเด็นเรื่องเงินเพิ่มหรือไม่ ในปัญหาแรกข้อเท็จจริงฟังได้ยุติว่า โจทก์ทำสัญญากับริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัดเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๑ แผ่นที่ ๒๕๗ ถึงแผ่นที่ ๓๐๔ ซึ่งในสัญญาข้อ ๓ หน้า ๓๐๒ มีข้อความว่า บริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด โดยตนเองหรือผ่านบริษัทในเครือจะเปิดเผยเทคโนโลยี่ในการสร้างโรงงานผลิดเม็ดพลาสติกแก่โจทก์ จึงเห็นได้ว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับบริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด มีเรื่องเกี่ยวกับค่าสิทธิอยู่ด้วยแต่ไม่เป็นปัญหาในคดีนี้ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าบริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด ได้ให้บริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการโดยเป็นผู้ออกแบบแปลนและแผนผังในการสร้างโรงงานผลิดเม็ดพลาสติกให้โจทก์ รวมทั้งการติดตั้งเครื่องจักรด้วย ซึ่งบริษัทนี้ได้ทำสัญญากับโจทก์ไว้ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๑๒ ในสัญญาดังกล่าวข้อ ๕ ระบุว่าบริการที่บริษัทดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์จะอนุญาติให้บุคคลอื่นใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากบริษัทดังกล่าวก่อนไม่ได้นั้น ก็มิได้หมายความเกี่ยวกับเรื่องสิทธิ เป็นแต่เพียงเงื่อนไขในสัญญาว่า บริษัทที่โจทก์ได้รับนั้นโจทก์ต้องใช้เอง ทั้งนี้อาจจะต่อเนื่องมาจากสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับบริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด ที่มีหน้าที่ต้องให้เทคโนโลยีแก่โจทก์ด้วย และเมื่อให้บริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) ดำเนินการให้โจทก์ จึงมีข้อกำหนดเป็นเงื่อนไขดังกล่าวไว้เป็นข้อสนับสนุนสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด เท่านั้น ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าบริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด ได้มอบเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้แก่โจทก์อย่างใด ดังนั้นบริษัทดังกล่าวจึงเป็นผู้รับจ้างสร้างโรงงาน และติดตั้งเครื่องจักรให้แก่โจทก์ เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่โจทก์ได้ทำไว้กับบริษัทดาวเคมิคอล (ฮ่องกง) จำกัด โดยมอบให้บริษัทอื่น คือบริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการให้เป็นตามสัญญา แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏบริษัทดังกล่าวมิได้ให้เทคโนโลยี่ใด ๆ แก่โจทก์ เป็นเพียงสร้างโรงงาน และติดตั้งเครื่องจักรให้เท่านั้น แล้วจึงได้รับเงินค่าจ้างจากโจทก์ไป ๒๐,๕๙๘,๒๕๖.๒๔ บาท จริงอยู่ ตามข้อสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัททั้งสองรวมเป็น ๓ ฝ่ายนั้น บริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด อาจใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ แก่โจทก์ อันอาจจะถือเป็นสิทธิอื่น ๆ อย่างหนึ่งได้และค่าตอบแทนที่ได้รับก็อาจจะถือว่าเป็นค่าสิทธิอื่น ๆ แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทดังกล่าวได้ให้เทคโนโลยี่อย่างใดแก่โจทก์ ดังนี้ เงินค่าตอบแทนที่โจทก์ให้แก่บริษัทดาวเคมิคอล (ยู.เอส.เอ.) จำกัด จึงมิใช่เป็นเงินค่าสิทธิตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๐ (๓) แต่ถือได้ว่าเป็นเงินค่าบริการทางด้านวิศวกรรม อันถือเป็นวิชาชีพอิสระตาม มาตรา ๔๐ (๖) ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมิน โดยถือว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าสิทธินั้น จึงไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้การประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบ
ส่วนในปัญหาที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องในประเด็นเรื่องเงินเพิ่มหรือไม่นั้น จำเลยอุทธรณ์ว่าในชั้นโจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ แม้โจทก์จะได้ขอให้เพิกถอนการเสียเงินเพิ่มก็ตาม แต่โจทก์เพียงขอมาลอย ๆ มิได้อ้างเหตุอย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ในประเด็นเรื่องเงินเพิ่มนี้ไว้ ศาลฎีกา เห็นว่า โจทก์ได้กล่าวเป็นการอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องเงินเพิ่มไว้แล้ว แม้จะบกพร่องไปบ้างดังที่โจทก์อ้างก็มิทำให้ถือไม่ได้ว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวไว้ ดังนั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในประเด็นเรื่องเงินเพิ่มได้
พิพากษายืน

Share