คำสั่งคำร้องที่ 1680/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ไม่รับฎีกาของโจทก์โจทก์เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายและฎีกาของโจทก์ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 43แผ่นที่ 2 และที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362,365 และ 83 ฯลฯ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 39)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 40)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยของข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบเพียงพอที่จะให้ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด คดีจึงมีมูลความผิดและควรรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยรับฟังพยานหลักฐานโดยไม่ชอบนั้น ศาลอุทธรณ์มิได้ฟังข้อเท็จจริงขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน และฟังจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ฎีกาของโจทก์จึงโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share