คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

นำรถยนต์ไปจอดไว้ที่ปั๊มน้ำมัน โดยมอบกุญแจรถแก่ลูกจ้างเจ้าของปั๊ม จอดไม่ประจำที่ แม้จะมีประกาศปิดไว้ที่ปั๊มและในใบเสร็จระบุว่าเป็นเรื่องให้เช่าและค่าเช่าสถานที่จอดรถ ก็ไม่หักล้างการปฏิบัติซึ่งเป็นการฝากทรัพย์

ย่อยาว

รถยนต์ที่โจทก์จอดไว้ที่ปั๊มน้ำมันของจำเลย บำเหน็จเดือนละ 150 บาทหายไป ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการเช่าที่จอดรถ ไม่ใช่ฝากทรัพย์ โดยมีบำเหน็จพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ราคารถแก่โจทก์50,000 บาท กับดอกเบี้ยและค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,000 บาท จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าจำเลยได้รับฝากรถยนต์ของโจทก์ไว้หรือว่าโจทก์เพียงแต่เช่าที่จอดรถจากจำเลยเท่านั้น ข้อนี้นอกจากตัวโจทก์แล้วโจทก์ยังมีนายมาโนช ผาสุขวงษ์เป็นพยานว่าได้นำรถยนต์มาฝากไว้ที่ปั๊มของจำเลย และได้มอบกุญแจรถให้ลูกจ้างของจำเลยเพื่อความสะดวกที่จะเคลื่อนย้ายรถ และโจทก์ยังมีถ้อยคำของนายบุญมีลูกจ้างของจำเลยซึ่งร้อยตำรวจตรีสุรัตน์ พนักงานสอบสวนได้สอบถามไว้ในวันเกิดเหตุว่าโจทก์นำรถยนต์มาฝาก เมื่อรถยนต์ถูกขโมยไปนายบุญมียังเห็นกุญแจรถอยู่ที่ปั๊ม ส่วนพยานจำเลยมีนางนัทธีรา ศิริเจริญไชย ผู้ดูแลกิจการของจำเลยเบิกความว่าในบริเวณปั๊มน้ำมันของจำเลยมีที่จอดรถทั้งที่มีหลังคาและไม่มีหลังคา เฉพาะที่มีหลังคาจอดรถได้ประมาณ 30 คัน จอดเรียงได้ 4 คัน ประมาณ7-8 แถว สำหรับรถที่อยู่ด้านในถ้าจะเอาออกก็จะต้องเข็นรถคันอื่นที่จอดขวางอยู่ออกก่อนและนายบุญส่ง ทรงกิจ เบิกความว่าขณะนี้จำเลยได้ไล่นายบุญมีลูกจ้างออกไปแล้วเพราะนายบุญมีเอากุญแจจากเจ้าของรถมาขับรถออกจากที่จอดเนื่องจากขี้เกียจเข็นตามคำพยานของจำเลยดังกล่าวเป็นการเจือสมพยานโจทก์ว่าจำเลยได้ให้โจทก์มอบกุญแจรถยนต์ให้แก่ลูกจ้างของจำเลยเพื่อเคลื่อนย้ายรถเข้าออกด้วย หาใช่เพียงแต่ให้เจ้าของรถปลดเกียร์ว่างไว้ตามที่นางนัทธีราเบิกความไม่ ทั้งปรากฏว่าบางครั้งรถของโจทก์ถูกเคลื่อนย้ายจากที่จอดเดิม ไม่ได้จอดประจำที่ตลอดเวลาที่เช่า คดีจึงฟังได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยรับฝากทรัพย์ ไม่ใช่โจทก์เช่าสถานที่จอดรถ ที่จำเลยได้ปิดประกาศไว้ที่ปั๊มน้ำมันตามเอกสารหมายล.1 ว่าเป็นเรื่องให้เช่าที่จอดรถ และในใบเสร็จรับเงินค่าจอดรถระบุว่าเป็นค่าเช่าสถานที่จอดรถ ไม่อาจฟังหักล้างการปฎิบัติที่เป็นจริงระหว่างกันดังที่วินิจฉัยมาแล้วได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

จำเลยฎีกาอีกว่า โจทก์ได้รับรถยนต์คันนี้คืนแล้ว ข้อนี้ทางพิจารณายังไม่พอที่จะให้ฟังได้เช่นนั้น ส่วนค่าเสียหายที่จำเลยฎีกาว่าสูงเกินไปนั้นเห็นว่าโจทก์นำสืบฟังได้ว่า ราคารถยนต์รวมทั้งราคาวิทยุและเทปที่ติดตั้งเข้าภายหลังเป็นเงิน 71,500 บาท โจทก์ใช้มา 21 เดือน ไม่ปรากฏว่ารถทรุดโทรมเสียหายเป็นพิเศษ เมื่อรถของโจทก์สูญหายแล้วโจทก์ต้องจ้างรถยนต์อื่นใช้ประจำวันด้วย ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่ระบุไว้เห็นว่าพอสมควร ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นอย่างอื่น

นอกจากนี้จำเลยฎีกาอีกว่า โจทก์อุทธรณ์เพียงแต่ให้ศาลชั้นต้นไม่รับฟังเอกสาร ล.3 ซึ่งเป็นใบเสร็จรับเงินค่าเช่าสถานที่จอดรถเท่านั้นไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นประเด็นอื่น ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้แก่โจทก์จึงเป็นการพิพากษาเกินคำฟ้องอุทธรณ์ข้อนี้ได้พิเคราะห์อุทธรณ์ของโจทก์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ว่าที่ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารหมาย ล.3 เป็นการรับรู้เงื่อนไขในใบเสร็จที่ระบุว่าเป็นการเช่าสถานที่จอดรถแล้ว ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นเรื่องเช่าสถานที่จอดรถโดยอาศัยเอกสารฉบับนี้ ไม่ใช่เรื่องฝากรถ เป็นการฟังเอกสารผิดข้อเท็จจริง เพราะโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารฉบับนี้และผิดข้อกฎหมายดังรายละเอียดที่บรรยายในอุทธรณ์ จึงขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ โดยให้งดไม่รับฟังเอกสารหมาย ล.3 แล้วย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาในประเด็นอื่น ๆ ต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าตามไม่เกินคำฟ้องอุทธรณ์ดังฎีกาของจำเลย”

พิพากษายืน

Share