คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เป็นญาติของนางเหมียนไชยพิทักษ์ผู้ตาย โจทก์ได้จัดการศพของผู้ตายตามฐานานุรูปของผู้ตายสิ้นเงินไป 22,899 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อศาลจังหวัดภูเก็ตศาลมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก ตามฟ้องของโจทก์แสดงว่าผู้ตายมิได้ตั้งโจทก์ให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และไม่ได้ความว่าผู้ตายหรือศาลตั้งโจทก์หรือทายาทได้มอบหมายตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการทำศพตามความในมาตรา 1649 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทำศพที่โจทก์อ้างว่าได้ใช้จ่ายไปในการจัดการทำศพของผู้ตาย
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นญาติของนางเหมียน ไชยพิทักษ์ ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2518 โจทก์เป็นผู้นำศพของนางเหมียนมาบำเพ็ญกุศลตามคำสั่งของผู้ตาย โจทก์ทำศพผู้ตายฐานานุรูปของผู้ตายสิ้นค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงิน22,899 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสองให้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าทำศพ จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้เงิน 22,899 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์มิได้เป็นอะไรกับผู้ตาย ผู้ตายไม่เคยสั่งให้โจทก์เป็นผู้ทำงานศพผู้ตายแต่ประการใด และโจทก์มิได้เป็นผู้จัดงานศพผู้ตาย จำเลยทั้งสองกับญาติพี่น้องของผู้ตายเป็นผู้จัดงานศพและจ่ายค่าทำศพไม่เกิน 700บาท ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเหมียนไชยพิทักษ์ผู้ตายร่วมกันและแทนกันชดใช้หนี้ค่าทำศพ 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เป็นญาติของนางเหมียนไชยพิทักษ์ผู้ตาย โจทก์ได้จัดการศพของผู้ตายสิ้นเงินไป 22,899 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก ตามฟ้องโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ตาย มิได้ตั้งโจทก์ให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และไม่ได้ความว่าผู้ตายหรือศาลตั้งโจทก์ หรือทายาทได้มอบหมายตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการทำศพตามความในมาตรา 1649 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพของผู้ตาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทำศพที่โจทก์อ้างว่าได้ใช้จ่ายไปในการจัดการทำศพผู้ตาย อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

พิพากษายืน

Share