คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ส.ขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 2 แปลง ซึ่งเป็นที่พิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 75,500 บาทส.ได้รับเงินครบถ้วนแล้ว และมอบการครอบครองที่พิพาทให้โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 9 ปี จำเลยยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของ ส.โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นมรดกของส.ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ หรือแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์แต่อย่างใดอันจะถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2524 นายสา น้อยสีบิดาจำเลยได้ขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 2 แปลง คือที่ดิน (น.ส.3) เลขที่ 6 และ (น.ส.3ก.) เลขที่ 1719 ตำบลผักขวงอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อที่ 5 ไร่ และ 9 ไร่ ตามลำดับ ให้แก่โจทก์ในราคา 75,500 บาท นายสาได้รับเงินครบถ้วนแล้ว และมอบการครอบครองให้โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 9 ปี ต่อมาวันที่ 21 มกราคม 2529 นายสาตาย จำเลยได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์โดยอ้างว่าที่ดินทั้ง 2 แปลง เป็นมรดกของนายสาจะเข้ามาจัดการแบ่งแยกที่ดินดังกล่าว อันเป็นการโต้แย้งและรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า การที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาไม่เป็นการโต้แย้งหรือรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์เพราะที่พิพาทเป็นมรดกของนายสาซึ่งตกทอดแก่จำเลยผู้เป็นทายาทจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า การที่จำเลยขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดก ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จ เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า นายสาขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 2 แปลง ซึ่งเป็นที่พิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 75,000 บาท นายสาได้รับเงินครบถ้วนแล้วและมอบการครอบครองที่พิพาทให้โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 9 ปี จำเลยยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสา ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ศาลฎีกาเห็นว่าคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองหรือแย่งสิทธิครอบครองของโจทก์แต่อย่างใด อันจะถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share