คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อาวุธปืนของกลางเป็นเพียงอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ยิงได้คราวละนัดเมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธปืนชนิดอื่นที่บรรดามิจฉาชีพใช้กันอยู่โดยทั่วไป ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่สามารถบรรจุและยิงได้คราวละหลายนัดโดยมีแรงทะลุทะลวงมากแล้ว อาวุธปืนของกลางจึงมิใช่อาวุธปืนร้ายแรงนัก ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยมีกระสุนปืนที่พาติดตัวไปเพียงนัดเดียวและไม่ปรากฏว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางนั้นไปประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันมิชอบ กลับได้ความโดยมีหนังสือรับรองของกำนันรองผู้ว่าราชการจังหวัด และพระภิกษุเจ้าคณะตำบล ท้องที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานยืนยันว่า จำเลยมีความประพฤติดี ชอบช่วยเหลือทางราชการและทำคุณประโยชน์ให้แก่ราชการและสังคมโดยส่วนรวมในหลาย ๆ ด้านทั้งในวันเกิดเหตุจำเลยได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปเฝ้าดูแลเครื่องสูบน้ำของสภาตำบลที่จำเลยรับหน้าที่ช่วยเหลือดูแลอยู่ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับลักษณะอาวุธและความประพฤติของจำเลยในอดีต จำเลยควรได้รับความปรานีด้วยการรอการลงโทษ แต่เพื่อให้จำเลยหลาบ จำจึงลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 32, 33ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคสาม (ที่ถูกเป็น72 วรรคแรก), 72 วรรคสอง ทวิ (ที่ถูกเป็น 72 ทวิ วรรคสอง)ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืน จำคุก1 ปี ปรับ 4,000 บาท เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เป็นจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปีปรับ 5,000 บาท ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบหนังสือรับรองของกำนันประจำตำบลทุ่งท่าช้าง เจ้าคณะตำบลนิยมชัยและรองผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว เห็นควรให้โอกาสแก่จำเลยที่จะกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนจำคุก1 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก9 เดือน โดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่าอาวุธปืนของกลางเป็นเพียงอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ยิงได้คราวละนัดเมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธปืนชนิดอื่นที่บรรดามิจฉาชีพใช้กันอยู่โดยทั่วไปในปัจจุบันซึ่งเป็นอาวุธปืนที่สามารถบรรจุและยิงได้คราวละหลายนัดโดยมีแรงทะลุทะลวงมากแล้ว นับว่าอาวุธปืนของกลางมิใช่อาวุธปืนชนิดร้ายแรงนัก ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยก็มีกระสุนปืนที่พาติดตัวไปเพียงนัดเดียว และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางนั้นไปประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันมิชอบกลับกันจำเลยกล่าวอ้างโดยมีหนังสือรับรองของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและพระภิกษุ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกำนัน รองผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าคณะตำบลของตำบล อำเภอและจังหวัดท้องที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานยืนยันว่า จำเลยเป็นผู้มีความประพฤติดีชอบช่วยเหลือทางราชการและทำคุณประโยชน์ให้แก่ราชการและสังคมโดยส่วนรวมในหลาย ๆ ด้านทั้งในวันเกิดเหตุจำเลยได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปเฝ้าดูแลเครื่องสูบน้ำของสภาตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์จังหวัดลพบุรี ที่จำเลยรับหน้าที่ช่วยเหลือดูแลอยู่ ข้ออ้างของจำเลยจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ตามที่จำเลยกล่าวในฎีกา เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับลักษณะของอาวุธและความประพฤติของจำเลยในอดีตที่ผ่านมาแล้ว เห็นว่า จำเลยควรได้รับความปรานีด้วยการรอการลงโทษให้สักครั้งหนึ่งตามที่จำเลยฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำจึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี และปรับ 6,000 บาท กระทงหนึ่งและฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธาาณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน และปรับ 4,000 บาท อีกกระทงหนึ่งเรียงกระทงลงโทษรวม 2 กระทง จำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือนและปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share