คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึง 16 สิงหาคม2532 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายต่างกรรมต่างวาระกัน โดยจำเลยได้กล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามพร้อมทั้งบรรยายข้อความดังกล่าวแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกันเป็นจำนวนกี่กรรม และแต่ละกรรมนั้นจำเลยกระทำความผิดเมื่อใดและอย่างไรก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึง 16 สิงหาคม 2526เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้กระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกันโดยกล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามว่า “จำเลยเคยได้เสียกับโจทก์หลายครั้ง”และว่า “ไม่ใช่จำเลยคนเดียวที่เคยได้เสียกับโจทก์ คนอื่น ๆก็เคยได้เสียกับโจทก์ด้วย” โดยเจตนาทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึง 16 สิงหาคม 2532 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายต่างกรรมต่างวาระกัน โดยจำเลยได้กล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามพร้อมทั้งบรรยายข้อความดังกล่าว เห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆรวมทั้งถ้อยคำพูดอันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าที่จำเลยกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกันนั้นเป็นจำนวนกี่กรรม และแต่ละกรรมนั้นจำเลยกระทำความผิดเมื่อใดและอย่างไร ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา
พิพากษายืน

Share