คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3619/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งให้ยกเลิกการล้มละลายมีผลทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายและเท่ากับศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของจำเลยไปด้วยในตัว ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทราบเพื่อมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยอีกต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทราบ และศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วมีคำพิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 15
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2544 จำเลยยื่นอุทธรณ์วันที่ 28 มกราคม 2545 ภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต่อมาวันที่ 11 กรกฎาคม 2545 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า คดีนี้มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียงรายเดียวคือโจทก์และอยู่ในระหว่างนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก (ที่เลื่อนมา) ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2545 แต่ก่อนถึงวันนัดประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 26 มิถุนายน 2545 โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำขอรับชำระหนี้และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งอนุญาตแล้ว คดีนี้จึงไม่มีเจ้าหนี้ยื่นขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 135 (2) ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2545 และแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2546 มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุอันควรยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งให้ยกเลิกการล้มละลายมีผลทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายและเท่ากับศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของจำเลยไปด้วยในตัว ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทราบเพื่อมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยอีกต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทราบ และศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วมีคำพิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด จึงไม่ชอบ คดีจึงมีเหตุสมควรยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share