คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะตั้งประเด็นในคำฟ้องว่าจำเลยปลูกเรือนในที่ดินของโจทก์ โดยไม่มีนิติสัมพันธ์อย่างใดกับโจทก์หรือเจ้าของเดิม เป็นการละเมิด และจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่าก็ดี กรณีก็ยังมีปัญหาว่าจำเลยจะอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่านั้นต่อไปได้หรือไม่ เพราะถ้าการเช่าหมดอายุสัญญาเช่า จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่านั้นต่อไป การที่ยังขัดขืนอยู่ ย่อมเป็นการละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและบริวารละเมิดไปปลูกบ้านในที่ดินของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านออกจากที่ดินของโจทก์ และชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกบ้าน ต่อมาผู้ให้เช่าขายที่ดินให้โจทก์ โจทก์ย่อมรับทั้งสิทธิและหน้าที่ ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ทำไว้กับเจ้าของเดิม แม้สัญญาเช่าหมดอายุ ต้องถือว่าทำสัญญาใหม่ไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ การอยู่ในที่พิพาทของจำเลยไม่เป็นละเมิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นที่ว่า จำเลยใช้ที่ดินที่พิพาทเป็นที่ค้าขายหรืออาศัย พิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า จำเลยใช้ที่ดินที่พิพาทเป็นที่ค้าขายหรืออยู่อาศัย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะตั้งประเด็นในคำฟ้องว่า จำเลยละเมิดโดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์หรือเจ้าของเดิม และจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่าก็ดี กรณียังมีปัญหาต่อไปว่า จำเลยจะอยู่โดยอาศัยสิทธิแห่งการเช่านั้นต่อไปได้หรือไม่เพราะการเช่าหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว ย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในที่ดินของเขาอีกต่อไป การที่ยังคงขัดขืนอยู่ ก็เป็นการละเมิด โดยไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย นอกจากนั้นแล้วกรณียังมีปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ ที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ และศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share