แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยมูลของสัญญากู้เงินและสัญญาขายลดเช็ค มิใช่ฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยตรง สัญญากู้เงิน และขายลดเช็ค กฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 แม้ เช็คตามฟ้องซึ่งจำเลยที่ 1 นำมาขายลดนั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ไปแล้ว โจทก์ก็ยังฟ้องให้บังคับจำเลยทั้งสองได้ภายในอายุความ 10 ปี จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ มีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ให้ถูกต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้ แต่กลับละเลยไม่สนใจชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงย่อมมีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากจำเลยเรื่อยไปตามกฎหมาย จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2525 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายลดเช็คและนำเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาคลองเตย ลงวันที่16 กันยายน 2525 จำนวนเงิน 500,000 บาท มาแลกเงินสดกับโจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เมื่อครบกำหนดตามวันที่ลงในเช็ค โจทก์ได้เรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่19 ตุลาคม 2525 โจทก์ได้ทวงถามแล้ว แต่จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ 278,971.76 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 21 ต่อปี ในต้นเงิน 207,737.66 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำนวนเงินค้างชำระทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง โจทก์ฟ้องคดีโดยใช้สิทธิไม่สุจริต ปล่อยปละละเลยไม่ฟ้องคดีผู้สั่งจ่ายเงินตามเช็คภายในอายุความ 1 ปี และเพิ่งจะแจ้งให้จำเลยทราบหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คร่วม 2 ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้278,971.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปีจากต้นเงิน207,737.66 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยมูลของสัญญากู้เงินและสัญญาขายลดเช็คเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา มิใช่ฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยตรง สัญญากู้เงินและสัญญาขายลดเช็คนั้นกฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะเป็นพิเศษเป็นอย่างอื่นจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 แม้เช็คตามฟ้องซึ่งจำเลยที่ 1 นำมาขายลดนั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ไปแล้ว โจทก์ก็ยังฟ้องให้บังคับจำเลยทั้งสองได้ภายในอายุความ 10 ปี ดังกล่าว จำเลยทั้งสองผิดสัญญาขายลดเช็คเมื่อปี 2525 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อปี 2529 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ส่วนปัญหาว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยสุจริตหรือไม่นั้นจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ มีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ให้ถูกต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้ แต่กลับละเลยไม่สนใจชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงย่อมมีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 เรื่อยไปตามกฎหมาย เป็นความผิดของจำเลยที่ 1 เองที่ไม่ชำระหนี้จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่
พิพากษายืน.