คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เพียงแต่เข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหายชกต่อยโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน แม้พวกจำเลยทั้งสองคนหนึ่งใช้มีดแทงทำร้ายผู้เสียหายจนบาดเจ็บ ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ก็ตาม แต่การลงโทษก็สมควรให้ลดหลั่นตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดเป็นรายตัวบุคคลเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยรับโทษจำคุกมาก่อนศาลชอบที่จะรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83, 288, 295 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,297, 83 ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 4 ปีมีดของกลางฟังได้ว่าใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ ฟ้องโจทก์ข้อหาอื่นให้ยก โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี และให้รอการลงโทษจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันมาว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2529 เวลาประมาณ 21 นาฬิกาผู้เสียหายทั้งสองกับพวกรวม 4 คน นั่งดื่มสุราที่ร้านขายอาหารชั่วคราวบนถนนแยกจากถนนริมคลองประปาเข้าไปคอนโดมิเนียมบางซื่อแขวงบางซื่อ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นายสาธิต สนิทพันธ์ ซึ่งนั่งร่วมอยู่ด้วยได้เกิดวิวาทกับผู้เสียหายที่ 1 มีผู้ห้ามปรามและพานายสาธิตกลับไปบ้าน ก่อนไปนายสาธิตได้พูดว่าให้ผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 ระวังตัวไว้ สักครู่จำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดดูแล้วกลับไป ต่อมาจำเลยทั้งสองนายเป็ดกับพวก 2 คนขับขี่และนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์รวม 2 คันมาอีกครั้ง จำเลยที่ 1 ชี้มาที่กลุ่มผู้เสียหายและพูดว่า “นี่ไงพวกมันเอามันให้ตาย” แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็ได้กรูเข้าทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองกับพวก พวกของจำเลยทั้งสองได้ใช้มีดคมเดียวปลายแหลมตามภาพถ่ายหมาย จ.1 แทงที่หลังและฟันมือขวาผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และใช้ของแข็งทำร้ายผู้เสียหายที่ 2ได้รับบาดเจ็บตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเอกสารท้ายฟ้องหมาย จ.3 ส่วนจำเลยที่ 2 คงใช้มือชกต่อยผู้เสียหายที่ 1 เท่านั้นคดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าสมควรลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่า การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสองเกิดจากการชักนำของนายสาธิตซึ่งมีสาเหตุกับกลุ่มผู้เสียหายและการชักชวนของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2เป็นเพียงเข้าร่วมทำร้ายโดยใช้มือชกต่อยและโดยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับฝ่ายผู้เสียหาย แม้จะฟังว่าพวกของจำเลยทั้งสองคนหนึ่งใช้มีดแทงทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองจนได้รับบาดเจ็บตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องอันจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดทางอาญาในฐานะตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ก็ตาม แต่การลงโทษก็สมควรให้ลดหลั่นตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดเป็นรายตัวบุคคลเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยรับโทษจำคุกมาก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี และให้โอกาสจำเลยที่ 2 ในการประพฤติตนให้ดีต่อไปโดยรอการลงโทษไว้มีกำหนด 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share