คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3604/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปโดยสุจริตและไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อันใดที่ส่อให้เห็นว่าผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาประมูลให้ต่ำลง แม้ว่าการขายทอดตลาดจะต่ำกว่าราคาซื้อขายกันในท้องตลาดบ้าง แต่ก็ไม่มีพิรุธประการใดจึงไม่มีเหตุที่จะยกเลิกหรือเพิกถอนการขายทอดตลาด
ในการขายทอดตลาดเมื่อมีผู้ประมูลราคาและเจ้าพนักงานผู้ขายทอดตลาดนับ1 ถึง 3 แล้วไม่มีผู้ใดให้ราคาสูงกว่านั้น ผู้ขายทอดตลาดจึงนำราคาประมูลที่ได้ไปขออนุญาตศาลขายเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้ขายทอดตลาดจึงมาตกลงขายด้วยการเคาะไม้ ดังนี้ การขายทอดตลาดทรัพย์สินพิพาทจึงสมบูรณ์
ที่ดินที่ขายทอดตลาดมีที่ตั้งปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่าอยู่หมู่ที่ 1แต่ขณะนำยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวอยู่หมู่ที่ 9 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงประกาศขายทอดตลาดโดยระบุว่าที่ดินอยู่หมู่ที่ 9 ดังนี้ เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านตามเขตการปกครองท้องที่ของฝ่ายบริหาร จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินไปโดยชอบแล้ว ไม่เป็นการขายที่ดินผิดแปลง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามตั๋วเงินพร้อมดอกเบี้ยโจทก์จำเลยทำสัญญประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ ๔๗ หมู่ที่ ๙ ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธรออกขายทอดตลาด วันนัดขายทอดตลาดมีผู้เข้าประมูลจำนวน ๔ คน นายยุภพ ไชยจิตร ให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน ๓๙๐,๐๐๐ บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาสูงสุด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่นายยุภพผู้ให้ราคาสูงสุดตามความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการสมคบกันประมูลราคาต่ำ ทั้งการขายทอดตลาดไม่มีการเคาะไม้ตกลงขาย ที่ดินของจำเลยตั้งอยู่หมู่ที่ ๙ แต่เจ้าพนักงานประกาศขายที่ดินตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ เป็นการขายผิดแปลงกัน ขอให้ยกเลิการขายทอดตลาด
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านทำนองเดียวกันว่า การขายทอดตลาดสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ราคาที่ขายก็สูงกว่าราคาประเมินถึง ๓ เท่า ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า เมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์แต่ละครั้งบุคคลทั่วไปย่อมมีสิทธิเข้าประมูลสู้ราคาแข่งขันกันโดยเสรี ไม่มีโอกาสจะรู้ว่าผู้ประมูลคนใดจะเป็นผู้เสนอให้ราคาสูงสุดจนกว่าผู้ทอดตลาดจะแสดงการตกลงด้วยการเคาะไม้ สำหรับคดีนี้ได้ความจากการไต่สวนของศาลว่า การขายทอดตลาดรายนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินราคาขณะยึดทรัพย์ไว้ ๑๖๐,๐๐๐ บาท ผู้สู้ราคาทั้งสี่คนได้ประมูลเสนอราคาแข่งขันกัน โดยนายชัชวาลให้ราคา๑๒๐,๐๐๐ บาท นายอดุลให้ราคา ๑๕๐,๐๐๐ บาท ตัวโจทก์ให้ราคา ๓๘๐,๐๐๐ บาท และนายยุภพให้ราคา ๓๙๐,๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายทรัพย์พิพาท ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อันใดที่ส่อให้เห็นว่าผู้เข้าสู้ราคาสมคบกันกดราคาประมูลให้ต่ำลง รายละเอียดปรากฏตามบันทึกการขายทอดตลาดฉบับลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๓๑ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่ได้ร่วมรู้เห็นกับผู้ประมูลสู้ราคาทำการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปตามปกติโดยสุจริต ไม่ได้ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคสอง แม้ว่าราคาขายทอดตลาดจะต่ำกว่าราคาซื้อขายกันในท้องตลาดบ้างก็ไม่มีพิรุธแต่ประการใด จึงไม่มีเหตุที่จะยกเลิกหรือเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเพราะเหตุการขายทอดตลาดทรัพย์เป็นโมฆะ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๒๒/๒๕๑๙ ระหว่างนายนิยม นทพันธ์ โจทก์ บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ฎีกาผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ผู้ร้องฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทครั้งนี้ไม่ได้มีการเคาะไม้ตกลงขาย การขายทอดตลาดจึงไม่สมบูรณ์ ผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ร้องนั่งดูการขายทอดตลาดแต่ไม่ได้อยู่จนเสร็จสิ้นการขาย แต่นายบัญชาผู้ทอดตลาดพยานโจทก์เบิกความยืนยันว่า เมื่อนายยุภพให้ราคาสูงสุด ๓๙๐,๐๐๐ บาท ไม่มีผู้ใดให้ราคาสูงกว่านี้ พยานจึงนับ ๑ ถึง ๓ และเคาะไม้แสดงว่าผู้ทอดตลาดได้ตกลงด้วยการเคาะไม้ โดยผู้ร้องไม่ได้รอดูอยู่ด้วย แม้ว่าบันทึกการขายทอดตลาดฉบับลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๓๑ จะมีข้อความว่า ยังไม่ตกลงขายจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง ซึ่งหมายความว่าตอนบันทึกนั้นนายบัญชาผู้ทอดตลาดยังไม่ได้ตกลงขายให้ผู้ซื้อ แต่เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายได้นายบัญชาจึงขายนั้น คำเบิกความของนายบัญชากับบันทึกดังกล่าวไม่ขัดกัน กล่าวคือ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้ทอดตลาดสามารถตกลงขายด้วยการเคาะไม้ได้ การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทยังสมบูรณ์อยู่ ฎีกาผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ปัญหาต่อไปในชั้นนี้มีว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทผิดแปลงหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินสำหรับทำสวนตาม น.ส.๓ เลขที่ ๔๗ หมู่ที่ ๑ ตำลตาดทอง อำเภอยโสธร (อำเภอเมืองยโสธร) จังหวัดอุบลราชธานี (จังหวัดยโสธร) ของจำเลยไว้ ปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย ร.๑ แต่ขณะยึดทรัพย์ที่ดินดังกล่าวอยู่หมู่ที่ ๙ ปรากฏตามบันทึกการยึดทรัพย์และสำเนาประกาศการยึดทรัพย๎ของเจ้าพนักงานบังคับคดีฉบับลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๓๑ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขออนุญาตศาลขายทอดตลาดทรัพย์ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ทำการประกาศขายทอดตลาด ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๑ กำหนดขายทอดตลาดวันที่ ๒๘ ตุลาคม๒๕๓๑ ซึ่งผู้ร้องเบิกความว่าประกาศขายทอดตลาดของศาลปิดประกาศให้ทราบโดยทั่วกันและที่ดินที่ระบุว่าเป็นหมู่ ๙ เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินที่ขายทอดตลาด แสดงว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทที่ยึดไว้นั่นเอง การเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านตามเขตการปกครองท้องที่ ฝ่ายบริหารย่อมกระทำได้ตามความเหมาะสม ซึ่งอาจผิดแผกแตกต่างไปจากหมู่ที่ที่ดินตั้งอยู่ในขณะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย ร.๑ แต่ก็สามารถโยงยึดตรวจสอบให้รู้ว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกันได้ เมื่อผู้ร้องก็ยอมรับว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกันแล้ว ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินที่ยึดไว้ไม่ผิดแปลง”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share