คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกันแล้วจำเลยผู้ชนะคดี มายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มา โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความ อีกทั้งคำพิพากษาตามยอม และขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้นความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีก ทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญากู้ท้ายฟ้องกับสัญญายอมความและคำพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 79/2490 ระหว่างนายไข่จำเลยกับนายเซ่งจำเลย และบังคับจำเลยที่ 2 ถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์โดยกล่าวว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำหนังสือสัญญากู้เท็จขึ้นแล้วทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกันต่อศาลแล้วจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในสำนวนคดีแดงที่ 164/2489 ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1

จำเลยแก้ว่าสัญญากู้เป็นสัญญาแท้จริง มิได้สมยอมกัน

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เพิกถอนสัญญากู้เงินรายนี้และเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความกับคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งที่ 79/2490 ส่วนคำขอบังคับให้จำเลยที่ 2 ขอถอนคำร้องขอเฉลี่ยเห็นไม่จำเป็นต้องสั่งในชั้นนี้

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ แต่เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญากู้และสัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมและขอให้จำเลยถอนคำร้องเฉลี่ยทรัพย์ ความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ก็คือ จะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยที่โจทก์ได้ยึดในคดีแดงที่ 164/2489 ส่วนสัญญากู้และสัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีแดงที่ 79/2490 ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ยังหามีความจำเป็นที่จะต้องเพิกถอนไม่จึงพร้อมกันพิพากษาแก้ว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีแดงที่ 79/2490 มาขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ยึดในคดีแดงที่ 164/2489 ไม่ได้

Share