คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จำเลยแต่ละคนเป็นกรรมการ แต่มิได้จดทะเบียนเป็นสมาคมนั้น ถ้าจำเลยรับเงินค่าเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น จึงถึงได้ว่าเป็นเงินที่จำเลยรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นลาภมิควรได้อย่างหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดตั้งกองการสงเคราะห์ฌาปนกิจ มีวัตถุประสงค์จะจ่ายเงินให้แก่สมาชิกเมื่อถึงแก่ความตาย โจทก์หลงเชื่อได้เข้าเป็นสมาชิกและได้เสียเงิน ๕๕๐ บาท ให้จำเลยไป ต่อมาจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานตั้งสมาคมโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยจึงเลิกล้มกิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจ โจทก์ขอเงินคืน จำเลยไม่ให้ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นลาภมิควรได้ โจทก์ฟ้องจำเลยเกิน ๑ ปี คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อแพ้ชนะกัน ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพยาน วินิจฉัยว่าเป็นลาภมิควรได้ โจทก์จึงแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกให้ ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยก และให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วัดสุวรรณารามที่จำเลยในคดีนี้ต่างเป็นกรรมการนั้น มิได้จดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมาย กิจการที่จำเลยกระทำไปจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลก็ได้พิพากษาลงโทษจำเลยในทางอาญาไปแล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยรับเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกจากโจทก์ และโจทก์ก็ยังไม่มีหน้าที่ชำระเงินนั้นเช่นเดียวกัน จึงถือได้ว่าจำเลยรับเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกจากโจทก์ไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เข้าลักษณะลาภมิควรได้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share