คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่หลงเชื่อ และออกดร๊าฟท์ให้ไป แล้วนำดร๊าฟท์นั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จ่ายเงินตามดร๊าฟท์ให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารสาขาจ่ายเงินให้ตามดร๊าฟท์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับนายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ นายสวัสดิ์ (น่าจะเป็นนายสมาน) หวังมาน พนักงานของโจทก์ ร่วมกันทำความผิดต่อกฎหมาย คือ
ก.ระหว่างวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ถึงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกร่วมกันลงลายมือชื่อปลอมในแบบพิมพ์คำขอซื้อดร๊าฟท์ว่าชื่อนายวันชัย บูลภักดิ์ ซึ่งไม่มีตัวตนจริง เพื่อจำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์ว่าชื่อนายวันชัย บูลภักดิ์ ซึ่งไม่มีตัวอยู่จริง เพื่อจะนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์เพื่อซื้อดร๊าฟท์และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงที่นายวันชัย บูลภักดิ์ ลงชื่อไว้ และจำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันทำบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการแสดงว่าทางราชการอำเภอบางรักออกให้แก่นายวันชัยปลอมขึ้นทั้งฉบับ
ข.เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจร่วมกันหลวกลวงนางสาวแช่มช้อย นายชฏิล นางสีนวล และนายสุรีย์ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานใหญ่ของโจทก์ ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงที่ควรบอกให้แจ้งว่านายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ คือนายวันชัยบูลภักดิ์ และร่วมกันนำแบบพิมพ์คำขอซื้อดร๊าฟท์ที่จำเลยกับพวกทำปลอมขึ้นในข้อ ก. กับเช็คของธนาคารกสิกรไทย จำกัด สำนักงานใหญ่ ที่สั่งจ่ายให้โจทก์ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวของโจทก์ โดยร่วมกันหลอกลวงและแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่นายวันชัยเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย นายวันชัยขอใช้เช็คซื้อดร๊าฟท์ของโจทก์เป็นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยขอให้ลงข้อความในดร๊าฟท์สั่งธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จ่ายเงินให้นายวันชัย เจ้าหน้าที่ของโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงออกดร๊าฟให้จำเลยกับพวกไป ความจริงนายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ ไม่ใช่นายวันชัย บูลภักดิ์ และเช็คที่จำเลยกับพวกนำไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่ใช่เช็คที่จำเลยกับพวกหรือนายวันชัยเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นเช็คที่ธนาคารโจทก์เป็นผู้ทรงโดยได้รับชำระหนี้จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด แล้วนายสมาน หวังมาน พวกของจำเลยอาศัยโอกาสที่ทำงานอยู่ในธนาคารโจทก์ลักเอาไป
ค.ต่อมาตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ ข. จำเลยกับพวกร่วมกันนำเอาดร๊าฟท์ที่ได้มาไปขอรับเงินที่ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย โดยจำเลยกับพวกกล่าวเท็จ หลอกลวงนายเรวัต โลกะกะลิน และนายเฉลียว มหาวิหกานนท์ ซึ่งเป็นสมุห์บัญชีและผู้จัดการของโจทก์สาขาวังน้อยว่านายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ คือนายวันชัย บูลภักดิ์ จนบุคคลทั้งสามหลงเชื่อจ่ายเงินของโจทก์จำนวน ๙๙๙,๕๐๐ บาทให้จำเลยกับพวกรับไปในวันนั้นเอง เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลลุมพินี อำเภอปทุมวัน นครหลวงกรุงเทพธนบุรี และตำบลบางไทร อำเภอวังน้อย ตำบลหอรัตนไชย อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔,๒๖๕,๒๖๘,๓๔๑,๓๔๒,๘๓,๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ร่วมกับพวกฉ้อโกงโจทก์จริง แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกปลอมหรือใช้เอกสารและจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑,๘๓ ให้จำคุก ๓ ปี ข้อหาอื่นและจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการฉ้อโกง แต่เป็นการลักทรัพย์ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ หลอกลวงให้โจทก์ออกดร๊าฟท์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและโจทก์ฟ้องผิดศาล
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่วินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ร่วมกับพวกฉ้อโกงโจทก์และจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของจำเลย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉียจากพยานหลักฐานในสำนวน โดยเห็นว่า การที่นายสวัสดิ์หรือมิดนำเช็คที่นายสมาน หวังมาน ลักไป มาขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคาร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์ว่าตนเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่หลงเชื่อว่าเป็นความจริง และธนาคารโจทก์ได้ออกดร๊าฟท์ให้ไป แล้วนายสวัสดิ์หรือมิและจำเลยที่ ๑ ร่วมกันนำดร๊าฟท์ที่ธนาคารออกให้ไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินตาม ดร๊าฟท์ให้นั้นให้นายสวัสดิ์หรือมิด กระกระทำของนายสวัสดิ์หรือมิด เป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิดหลอกลวงธนาคารโจทก์ให้ออกดร๊าฟแต่หลังจากธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟท์ให้แล้ว จำเลยที่ ๑ ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิดนำดร๊าฟท์ดังกล่าวไปรับเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย เช่นนี้ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิดฉ้อโกงธนาคารจึงชอบแล้ว
ส่วนเรื่องอายุความนั้นปรากฏว่า ความผิดฐานฉ้อโกงเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ โจทก์ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๑๔ เห็นว่าโจกท์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๖ แล้ว แม้โจทก์จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๕(๓) คดีโจทก์จึง ไม่ขาดอายุความ และโจทก์มีอำนาจนำคดีมาฟ้องที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑ จะเป็นความผิดสำเร็จต่อผู้หลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์จากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ การที่จำเลยที่ ๑ กั้บพวกร่วมกันหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์ว่านายสวัสดิ์หรือมิดเป็นผู้ทรงเช็คที่นำไปขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคารโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย ก็เพื่อประสงค์จะได้เงินจากธนาคารโจทก์จำนวน ๙๙๙,๕๐๐ บาท โดยขอให้ธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟท์สั่งให้ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงิน เมื่อธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟท์ให้แล้วจำเลยที่ ๑ กับพวกก็นำดร๊าฟนั้นไปขอรับเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินตามดร๊าฟท์ให้แก่นายสวัสดิ์หรือมิด เห็นได้ว่าความผิดฐานฉ้อโกงรายนี้เป็นความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินตามดร๊าฟท์นั้นให้แก่นายสวัสดิ์หรือมิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มิใช่เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่ธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟท์ให้นายสวัสดิ์ หรือมิดที่กรุงเทพมหานคร
พิพากษายืน

Share