แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาจ้างว่าความที่ทนายความเรียกค่าจ้างจากลูกความยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องคิดเป็นเงินค่าจ้าง 24,200 บาทนั้น เป็นค่าจ้างที่แน่นอน การที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนทุนทรัพย์ เป็นเพียงอาศัยเป็นเกณฑ์คำนวณค่าจ้างว่าความว่าจะเรียกร้องค่าจ้างคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าใดของทุนทรัพย์ที่ฟ้องเท่านั้น หาใช่เป็นสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทที่ลูกความจะพึงได้รับเมื่อชนะคดีไม่ จึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ฉะนั้น จึงย่อมบังคับกันได้ตามสัญญานั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายยื่นฟ้องวัดพระพุทธบาทเรียกเงินค่าก่อสร้างห้องแถวที่ค้างอยู่เป็นเงิน ๑๒๑,๐๐๐ บาท ตกลงคิดค่าจ้างเหมาจนคดีถึงที่สุดในอัตรา ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ฟ้อง เป็นเงิน ๒๔,๒๐๐ บาท โจทก์ได้ดำเนินการทวงถามและฟ้องร้องให้จนคดีถึงที่สุด ศาลพิพากษาให้วัดพระพุทธบาทใช้เงินแก่จำเลย ๑๒๑,๐๐๐ บาท จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระเงินค่าจ้างว่าความให้โจทก์ ๒๔,๒๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ใช้ขอให้บังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยใช้ค่าจ้างว่าความให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๑๒(๒) บัญญัติห้ามมิให้ทนายความรับเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความ เช่น สัญญาว่า ถ้าลูกความชนะคดีได้เงินหรือทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทมาเท่าใด ทนายความขอส่วนได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่จะได้มาอันเป็นการไม่แน่นอน เป็นต้น แต่ในคดีนี้ โจทก์เรียกร้องค่าจ้างจากจำเลย ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องคิดเป็นเงินค่าจ้าง ๒๔,๒๐๐ บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินค่าจ้างที่แน่นอน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ โจทก์เรียกร้องค่าจ้างจากจำเลยเป็นเงิน ๒๔,๒๐๐ บาทนั้นเอง การที่โจทก์คิดจากเปอร์เซ็นต์ของจำนวนทุนทรัพย์ เป็นเพียงโจทก์อาศัยเป็นเกณฑ์คำนวณค่าจ้างว่าความของโจทก์ว่าคดีชนิดใดโจทก์จะเรียกร้องค่าจ้างคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าใดของทุนทรัพย์ที่ฟ้องเท่านั้น หาใช่เป็นสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจำเลยจะพึงได้รับเมื่อชนะคดีไม่ จึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๑๒(๒) และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย