คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3599/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทราบอยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์สร้างซุ้มขายของบริเวณที่จอดรถของโรงแรมที่จำเลยเช่าดำเนินกิจการอยู่ แต่จำเลยกลับขอร้องและสนับสนุนให้โจทก์ลงทุนตระเตรียมการก่อสร้างซุ้มขายของดังกล่าวไปก่อนขออนุญาตเจ้าของโรงแรมในที่สุดไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะเจ้าของโรงแรมมีข้อตกลงกับกรุงเทพมหานครให้ใช้บริเวณที่จะสร้างซุ้มขายของเป็นที่จอดรถอย่างเดียว จึงเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์และต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์สำหรับค่าเสียหายที่โจทก์ต้องจ้างที่ปรึกษาและทุ่มเทเวลาเพื่องานนี้ส่วนค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์จะได้รับหากได้สร้างซุ้มพิพาท และค่าเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติคุณนั้นเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคล โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการผู้จัดการเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. ๒๕๒๐ จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยจงใจปกปิดความจริงที่จะต้องแจ้งให้โจทก์ทราบว่า ไม่มีอำนาจที่จะให้โจทก์ดำเนินการปรับปรุงที่ว่างนอกตัวตึกอาคารโรงแรมเพรสิเด็นท์ ซึ่งจำเลยที่ ๑ เช่าโรงแรมดังกล่าวมาดำเนินการ หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งสองก็ประมาทเลินเล่อ ไม่นำพาที่จะเสาะแสวงหาความจริงว่าจำเลยมีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นได้หรือไม่ จำเลยทั้งสองกลับเสนอให้โจทก์ดำเนินการปรับปรุงบริเวณดังกล่าวโดยให้โจทก์ทำเป็นซุ้มไม้ไผ่ขายของกระจุกกระจิก มีชื่อว่า ‘แบบบูอัลลีย์’ และให้โจทก์ให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ยืนยันว่าจำเลยทั้งสองจะทำสัญญากับโจทก์ได้ทั้งยังเร่งรัดให้โจทก์ดำเนินการไปก่อนลงนามในสัญญา โจทก์จึงดำเนินการว่าจ้างสถาปนิกทำการสำรวจออกแบบก่อสร้าง จัดหาเลือกสรรวัตถุก่อสร้าง ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายร่างสัญญา โฆษณาให้บุคคลทั่วไปมาติดต่อเข้าซุ้มของโจทก์จนมีผู้มาติดต่อขอเข้าซุ้มเป็นจำนวนมาก ต่อมาจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยไม่มีอำนาจนำสถานที่ดังกล่าวมาให้โจทก์ดำเนินการได้ ทำให้โจทก์เสียหายเป็นค่าจ้างออกแบบและตกแต่งซุ้มไม้ไผ่ ค่าออกแบบสัญญลักษณ์แบบบูอัลลี่ย์ ค่าพิมพ์สัญญลักษณ์ ค่าจ้างร่างสัญญา ค่าที่โจทก์ต้องยุติงานด้านอื่น ค่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ ค่าเสียชื่อเสียงเกียรติคุณทางการค้ารวมค่าเสียหายทั้งสิ้น ๗๓๗,๒๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสองเพียงแต่เจรจาหารือกันในการดำเนินการ ซึ่งจะต้องตกลงกันในสาระสำคัญของสัญญาก่อน ซึ่งได้แก่แบบแปลนแผนผังและค่าตอบแทน โจทก์กับจำเลยทั้งสองยังไม่มีนิติสัมพันธ์กัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ในขณะที่เจรจากันโจทก์ก็ทราบแล้วว่าการที่จะให้โจทก์ดำเนินการได้ต้องให้ผู้มีชื่ออนุญาตก่อน จำเลยมิได้ปิดบังความจริงข้อนี้ เมื่อโจทก์ทราบว่าผู้มีชื่อไม่อนุญาตก็ฉวยโอกาสจัดทำแบบแปลนส่งมาให้จำเลย ค่าเสียหายที่เรียกร้องไม่เป็นความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑๑๖,๕๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์สร้างซุ้มขายของบริเวณที่จอดรถของโรงแรมเพรสิเด็นท์ แต่จำเลยก็ขอร้องและสนับสนุนให้โจทก์ลงทุนตระเตรียมการก่อสร้างซุ้มขายของดังกล่าวไปก่อนขออนุญาตเจ้าของโรงแรม ในที่สุดไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะเจ้าของโรงแรมมีข้อตกลงกับกรุงเทพมหานครให้ใช้บริเวณดังกล่าว เป็นที่จอดรถอย่างเดียว เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ส่วนโจทก์ฎีกาขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง ศาลฎีกาพิเคราะห์เอกสารหมาย จ.๘ และ จ.๙ แล้ว เห็นว่างานที่โจทก์ว่าจ้างให้บริษัทกินรี จำกัด ดำเนินการนั้น แบ่งเป็น ๒ ส่วน คืองานออกแบบ และงานตกแต่ง โดยเฉพาะงานตกแต่งมี ๔ รายการ คือ การคิดเสนอราคา ๓,๐๐๐ บาท สำรวจไม้ไผ่ที่จะใช้ก่อสร้าง ๕,๐๐๐ บาท สำรวจหาผู้ที่ส่งไม้ไผ่ ๕,๐๐๐ บาท และศึกษาโครงการทั้งหมด(ต่อชั่วโมง)๒๕,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓๘,๐๐๐ บาท เห็นได้ว่ารายการดังกล่าวนี้เป็นค่าใช้จ่ายก่อนการก่อสร้างทั้งสิ้น และข้อเท็จจริงก็ปรากฏตามคำเบิกความของโจทก์ว่าได้มีการซื้อไม้ไผ่มาแล้วจริง เมื่อโครงการสร้างซุ้มแบบบูอัลลีย์ล้มเลิกไปทางโรงแรมเพรสิเด็นท์ได้ว่าจ้างบริษัทกินรีจำกัดไปตกแต่งห้องอาหารของโรงแรมโดยใช้ไม้ไผ่ค่าใช้จ่ายในส่วนงานตกแต่งนี้จึงมิใช่เป็นงานตกแต่งภายหลังการสร้างซุ้มแบบบูอัลลี่ย์แล้วทั้งโจทก์ก็ได้บันทึกตกลงรับรองค่าใช้จ่ายดังกล่าวต่อบริษัทกินรี จำกัด แล้วด้วย จึงถือได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องรับผิดชอบ จำเลยจึงต้องชดใช้ให้ สำหรับค่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายและค่าเสียหายที่โจทก์ต้องหยุดงานอื่นมาทุ่มเทเวลาให้แก่งานนี้นั้น เห็นว่าที่ปรึกษากฎหมายได้ทำการร่างสัญญาและได้มาปรึกษาหารือกันแก้ไขข้อความในสัญญาหลายครั้ง ปรากฏตามร่างสัญญาเอกสารหมาย จ.๑๒ และ จ.๑๔ และโจทก์ได้เสียเวลาในการติดตามดำเนินงานนี้เป็นเวลาประมาณ ๑ ปี แม้โจทก์จะยังดำเนินธุรกิจอย่างอื่นอยู่ด้วยก็ตาม เมื่อโครงการต้องมาเลิกล้มไปเพราะความผิดของจำเลย ย่อมถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายในส่วนนี้แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายให้ ๒๐,๐๐๐ บาทและค่าเสียเวลาแก่โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาทนั้น เหมาะสมแล้ว ส่วนค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์จะได้รับ หากได้สร้างซุ้มพิพาทสำเร็จเป็นเงิน ๔๐๓,๒๐๐ บาท และค่าเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติคุณเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทนั้น เห็นว่า เป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ
พิพากษายืน.

Share