คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3575/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 2 ได้นำยึดที่ดินซึ่งจำเลยที่ 2 จำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้ผู้ร้องอยู่มาบังคับคดีชำระหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอบังคับชำระหนี้จำนอง ก่อนกำหนดชำระหนี้ตามสัญญากู้ 1 วัน ซึ่งจำเลยที่ 2ยังไม่ผิดนัดชำระหนี้ หนี้จำนองของผู้ร้องจึงยังมิใช่หนี้จำนองที่อาจบังคับได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ดังนี้ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองหาได้ไม่ แต่การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้อง (ผู้รับจำนอง)ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชี 72,890.03 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน โฉนดเลขที่ 8050 ตำบลตลาดพลู (บางสะแก) อำเภอธนบุรี(บางกอกใหญ่) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญากู้เงินจากผู้ร้องสาขาวุฒากาศ เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดผ่อนชำระเงินและดอกเบี้ยเป็นรายเดือนเดือนละไม่น้อยกว่า 10,000 บาท เริ่มผ่อนชำระเดือนแรกวันที่ 25ธันวาคม 2531 หากผิดสัญญาผู้ร้องบอกเลิกสัญญาและเรียกให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้คืนได้ทันที ในการนี่จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 8050 ตำบลตลาดพลู (บางสะแก) อำเภอธนบุรี(บางกอกใหญ่) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่แล้วและจะมีต่อไปภายหน้าเป็นประกันหนี้แก่ผู้ร้องเป็นจำนวนเงิน200,000 บาท กับหนี้อุปกรณ์และดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระหนี้ให้ผู้ร้องเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2532 เพียงครั้งเดียวเป็นเงิน 25,342.45 บาท สำหรับชำระต้นเงิน 20,000 บาทและดอกเบี้ย 5,342.45 บาท จากนั้นจำเลยที่ 2 ไม่ผ่อนชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้อง โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 2 จำนองไว้แก่ผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้โดยปลอดจำนอง แล้วนำเงินชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ และหากโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดแล้ว ขอให้สั่งให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์
จำเลยที่ 2 คัดค้านว่า จำเลยที่ 2 ได้กู้เงินจากผู้ร้องสาขาวุฒากาศ และได้จดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามคำร้องขอเป็นประกันจริง แต่จำเลยที่ 2 ได้ผิดนัดหรือผิดสัญญากู้ อีกทั้งผู้ร้องยังมิได้ฟ้องบังคับจำนอง ผู้ร้องจึงมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ ในกรณีที่โจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง ก่อนเจ้าหนี้สามัญอื่น ๆ หากโจทก์ผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ผู้นำยึดต่อไป
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 รับกันว่า จำเลยที่ 2 ได้กู้เงินจากผู้ร้องจำนวน 200,000 บาท ให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ตกลงผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนเดือนละไม่น้อยกว่า 10,000 บาท ทุกวันที่ 25 ของเดือนถัดไปเริ่มชำระงวดแรกตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม2531 เป็นต้นไป ถ้าจำเลยที่ 2 ผิดนัดชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดในหนี้ทั้งหมด ตามเอกสารหมาย ร.4 ในการกู้เงินนั้นจำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดินพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างตามคำร้องเป็นประกันด้วย มีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิบังคับชำระหนี้จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289หรือไม่ จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ผู้ร้องไม่มีสิทธิบังคับให้ชำระหนี้ดังกล่าว ข้อนี้…ศาลฎีกาได้พิจารณาหนังสือสัญญากู้ตามเอกสารหมาย ร.4 แล้ว ตามข้อตกลงเป็นข้อ 3 จำเลยที่ 2 ตกลงเริ่มผ่อนชำระงวดแรกภายในวันที่ 25ธันวาคม 2531 แต่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ชำระ ได้ชำระเมื่อวันที่ 25มกราคม 2532 โดยได้ชำระเงินต้นสำหรับเดือนธันวาคม 2531 และเดือนมกราคม 2532 เดือนละ 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยถึงวันที่ 25มกราคม 2532 และผู้ร้องได้รับชำระหนี้นั้นไว้โดยมิได้ทักท้วงไม่ได้ถือว่าจำเลยที่ 2 ผิดนัดชำระหนี้ตามข้อสัญญา แสดงว่าผู้ร้องมิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในหนังสือสัญญากู้ตามเอกสารหมาย ร.4 เป็นข้อสาระสำคัญ จึงถือได้ว่าผู้ร้องได้ยอมสละเงื่อนไขข้อสัญญาดังกล่าวเสียแล้ว ส่วนการชำระหนี้สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2532 ตามสัญญากู้หมาย ร.4 จำเลยที่ 2ต้องชำระภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2532 แต่ปรากฏว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอบังคับชำระหนี้จำนองรายนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์2532 ก่อนกำหนดชำระหนี้ตามสัญญา 1 วัน ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ผิดนัดชำระหนี้ ดังนี้ ถือได้ว่าหนี้จำนองของผู้ร้องยังมิใช่การจำนองที่อาจบังคับได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 จึงยังไม่ชอบที่ผู้ร้องจะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้นั้น โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนอง และการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1759/2530 ระหว่างบริษัทสยามกลการ จำกัด โจทก์นายเจริญ ภารา กับพวก จำเลย…”
พิพากษายืน.

Share