แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 ซื้อเฮโรอีนตามที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ใช้แล้วโยนเฮโรอีนข้ามกำแพงเรือนจำไปให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งต้องขังอยู่ยังจุดนัดหมาย แต่เจ้าพนักงานเรือนจำมาพบเสียก่อนถือได้ว่าเป็นการจ่ายแจก ตามความหมายของคำว่า “จำหน่าย”ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนและจำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83, 84, 92 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 66, 67, 97, 102 ริบของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66, 67 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 วรรคสอง ลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งมีโทษหนักที่สุดจำคุกคนละ 6 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด9 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปีจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำคุกคนละ 4 ปี ของกลางริบ จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15, 67 จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 ให้จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 จะเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนหรือไม่ และจำเลยที่ 2ที่ 3 จะมีความผิดฐานใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดลพบุรีได้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ซื้อเฮโรอีนของกลางแล้วโยนข้ามกำแพงเรือนจำไปให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยังจุดที่นัดหมายกันไว้ แต่เจ้าพนักงานเรือนจำมาพบเสียก่อน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4คำว่า “จำหน่าย” หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้การที่จำเลยที่ 1 ซื้อเฮโรอีนตามที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ใช้วานแล้วโยนเฮโรอีนดังกล่าวข้ามกำแพงเรือนจำไปให้จำเลยที่ 2 ที่ 3ยังจุดนัดหมายนั้น ถือได้ว่าเป็นการจ่ายแจกเฮโรอีน อันเป็นการจำหน่ายตามความหมายของกฎหมายแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีน และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ย่อมมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดเพียงฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฐานดังกล่าวไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทหนักที่สุดให้จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้จำคุกคนละ 4 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์