แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าของไม้ ได้ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำไม้เคลื่อนที่โดยบรรทุกรถยนต์ไปคนละคันมีใบเบิกทางระบุชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้ควบคุมการนำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้จึงอยู่ในความควบคุมของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามที่ระบุไว้ในใบเบิกทางแต่ละฉบับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบในการนำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ให้ถูกต้องตามกฎหมายการที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 นำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ในเวลากลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 4 ได้ร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 4 ในฐานะเจ้าของไม้ก็ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ถึงที่ 3
ย่อยาว
คดีทั้งห้าสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณากับคดีหมายเลขแดงที่ 1515/2518 ของศาลชั้นต้น โดยให้เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่าจำเลยที่ 1จำเลยในสำนวนที่สองว่า จำเลยที่ 2 จำเลยในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 1515/2518 ว่าจำเลยที่ 3 และจำเลยในสำนวนที่สาม สี่ ห้า ว่าจำเลยที่ 4โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระกันกล่าวคือ
จำเลยที่ 1 กับที่ 4 ได้ร่วมกันแปรรูปไม้กะบากอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.โดยจำเลยเลื่อยเป็นแผ่นจำนวน 1,017 แผ่น ปริมาตร 15.669 ลูกบาศก์เมตรและได้ร่วมกัน มีไม้แปรรูปดังกล่าวไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน แล้วจำเลยได้ร่วมกันนำไม้แปรรูปดังกล่าวบรรทุกรถยนต์เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ อำเภอมุกดาหารในเวลากลางคืนโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
จำเลยที่ 2 กับที่ 4 ได้ร่วมกันแปรรูปไม้กะบากอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.โดยจำเลยเลื่อยเป็นแผ่นจำนวน 917 แผ่น ปริมาตร 15.154 ลูกบาศก์เมตร และได้ร่วมกันมีไม้แปรรูปดังกล่าวไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน แล้วจำเลยได้ร่วมกันนำไม้แปรรูปดังกล่าวบรรทุกรถยนต์เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้อำเภอมุกดาหารในเวลากลางคืนโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
จำเลยที่ 3 กับที่ 4 ได้ร่วมกันมีไม้กะบากอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.ซึ่งแปรรูปเป็นไม้กระดาษจำนวน 840 แผ่น ปริมาตร 13.658 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 41, 48, 72,73, 74, 74 ทวิ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 14, 17, 18 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 4, 10 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ริบไม้และรถยนต์ของกลาง
จำเลยทุกสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 41, 72, 74 ทวิ,(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503มาตรา 14, 18 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 ให้ปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ1,000 บาท ปรับ จำเลยที่ 4 สามพันบาท (สำนวนละ 1,000 บาท) และจำเลยที่ 1ที่ 2 ที่ 4 ผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 วรรคสอง, 74,74 ทวิ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17, 18 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116ข้อ 4, 10 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ประกาศกระทรวงเกษตรฯ ลงวันที่ 3พฤศจิกายน 2499 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกจำเลยที่ 1ที่ 2 คนละ 6 เดือน จำเลยที่ 4 เก้าเดือน ริบของกลางทั้งหมด ส่วนจำเลยที่ 3ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหามีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตทั้งห้าสำนวน และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ในข้อหานำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ในเวลากลางคืนโดยไม่รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 คงมีความผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ในเวลากลางคืนโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 41, 72 (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2503 มาตรา 14 ปรับคนละ 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า ไม้แปรรูปของกลางเป็นไม้ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนปัญหาเรื่องจำเลยที่ 4 ในฐานะเจ้าของไม้จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยอื่น ที่นำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้อำเภอมุกดาหารในเวลากลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่นั้นวินิจฉัยว่า การนำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้อยู่ในความควบคุมของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามที่ระบุไว้ในใบเบิกทางแต่ละฉบับ จำเลยแต่ละคนจึงเป็นผู้รับผิดชอบในการนำไม้เคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ตามใบเบิกทางให้ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 4 ได้ร่วมในการกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 4ในฐานะเจ้าของไม้ก็ไม่ต้องรับผิด
พิพากษายืน