คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า ขณะทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน. โจทก์จำเลยได้ตกลงกันด้วยวาจาว่า โจทก์ยอมให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้นี้ด้วยข้าวเปลือก 3 เกวียนก็ได้. ต่อมาจำเลยได้มอบข้าวเปลือกให้โจทก์แล้ว หนี้จึงระงับ. จำเลยนำพยานบุคคลสืบตามที่ให้การนี้ได้. ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร. เพราะเป็นการนำสืบถึงการชำระหนี้เพื่อให้หนี้ระงับไป.ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.
ฟ้องฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ยืมตามฟ้อง แต่ต่อสู้ว่า ขณะที่ทำสัญญานั้น โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันด้วยวาจาว่าให้จำเลยชำระหนี้นี้ด้วยข้าวเปลือกจำนวน 3 เกวียนก็ได้ ซึ่งต่อมาจำเลยได้นำข้าวเปลือก 3 เกวียนไปชำระให้โจทก์แล้ว หนี้จึงระงับ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยฎีกา และฎีกาข้อ 6 มีว่า “โจทก์ฟ้องคดีนี้มาโดยอาศัยหลักฐานอย่างหนึ่งแต่เมื่อได้ฟังคำเบิกความของจำเลยและพยานแล้วจึงมาตั้งรูปเรื่องเพื่อเบิกความพยายามหักล้างคำพยานจำเลยไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ง่าย ๆ ก็ในเรื่องเงินดอกเบี้ย 300 บาทนั้นถ้าโจทก์มีเจตนาสุจริต โจทก์น่าจะกล่าวและบรรยายมาในฟ้องให้ปรากฏ” ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยนำพยานบุคคลสืบตามคำให้การได้ ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร ไม่ขัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94เพราะเป็นการนำสืบถึงการชำระหนี้เพื่อให้หนี้ระงับไป ส่วนฎีกาข้อ 6 นั้น เป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยปประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลไม่รับวินิจฉัยให้ พิพากษายืน.

Share