คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การชำระหนี้เงินกู้ด้วยการโอนที่ดินให้เจ้าหนี้ เป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 แม้จะมิได้มีหลักฐานการชำระหนี้เป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ศาลก็รับฟังพยานบุคคลที่นำสืบในเรื่องการชำระหนี้นั้นได้ เมื่อโอนที่ดินชำระหนี้เงินกู้แล้วหนี้นั้นก็ระงับไป
ผู้รับโอนที่ดินเพื่อชำระหนี้เงินกู้เป็นสามีโจทก์ และในวันโอนนั้นโจทก์ได้รับรู้อยู่ด้วยจึงเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้สามีรับชำระแทนและเป็นการให้สัตยาบันในการนี้ด้วยในตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดกของนางพร้อม ก่อนนางพร้อมตายนางพร้อมได้กู้เงินโจทก์ไป ๑๐,๐๐๐ บาท จึงขอให้จำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแทนนางพร้อม
จำเลยต่อสู้ว่า นางพร้อมได้ชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์แล้วโดยโอนที่ดินให้แทนเงินกู้
ศาลชั้นต้นเชื่อว่านางพร้อมได้โอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้แก่โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นางพร้อมกู้เงินโจทก์ไปก็เพื่อใช้จ่ายในการฟ้องนายอ่วมสามี ขอหย่าและแบ่งทรัพย์ นางพร้อมเป็นความอยู่ ๓ ปี คดีจึงเสร็จโดยนางพร้อมชนะคดีได้รับแบ่งทรัพย์คือที่ดินโฉนดที่ ๑๐๘๗ เพียงแปลงเดียว เมื่อคดีเสร็จแล้วโจทก์ทวงถามเงินที่นางพร้อมกู้ไป นางพร้อมก็ว่ายังไม่มีให้ พฤติการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่านางพร้อมมิใช่คนร่ำรวย ฉะนั้นที่นางพร้อมโอนที่ดินโฉนดที่ ๑๐๘๗ ซึ่งได้รับโอนจากนายอ่วมให้นายจอนสามีโจทก์ในวันเดียวกับที่นางพร้อมได้รับโอนมาจากนายอ่วม จึงน่าเชื่อว่าเป็นการโอนเพื่อชำระหนี้เงินกู้ที่นางพร้อมกู้ไปจากโจทก์ โดยนางพร้อมไม่สามารถชำระหนี้ด้วยเงิน ตามรูปคดีไม่มีเหตุผลที่ควรจะเชื่อแต่อย่างใดว่านางพร้อมโอนที่ดินเป็นการยกให้โดยเสน่หาแก่เด็กชายวินัยบุตรโจทก์ในเมื่อนางพร้อมยังเป็นลูกหนี้โจทก์ และโจทก์ก็ได้ทวงถามให้ชำระหนี้นั้นอยู่
ที่โจทก์ฎีกา การชำระหนี้เงินกู้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ แต่คดีนี้จำเลยมิได้มีเอกสารแสดงถึงการชำระหนี้ มีแต่พยานบุคคลเข้าสืบว่ามีการชำระหนี้แล้วเป็นการสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารในเมื่อไม่สามารถนำเอกสารมาแสดง เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔(ก) ข้อนำสืบของจำเลยรับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การชำระหนี้เงินกู้ด้วยการโอนที่ดินให้เจ้าหนี้ เป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๑ แม้จะมิได้มีหลักฐานการชำระหนี้เป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ ศาลก็รับฟังพยานบุคคลที่นำสืบในเรื่องการชำระหนี้นั้นได้ เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้ว่าโจทก์ยอมชำระหนี้เงินกู้ด้วยการรับโอนที่ดินแทนเงินจากนางพร้อมดังได้วินิจฉัยข้างต้น หนี้เงินกู้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๑
ส่วนที่โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๑๕ การชำระหนี้ต้องทำแก่ตัวเจ้าหนี้ หรือบุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้ แต่ตามที่จำเลยนำสืบไม่ปรากฏว่า นายจอน สังข์อ่อน เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ได้อย่างใด และไม่ปรากฏด้วยว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันในการนี้ ฉะนั้น จึงฟังว่าเป็นการชำระหนี้แก่โจทก์แล้วไม่ได้ตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า นายจอน สังข์อ่อน ผู้รับโอนที่ดินที่นางพร้อมโอนให้เพื่อชำระหนี้เงินกู้เป็นสามีโจทก์ ในวันที่โอนที่ดินกันโจทก์ก็รับว่าได้ไปรับรู้อยู่ด้วย เป็นการเพียงยอที่จะรับฟังได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมให้นายจอนสามีเป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ รวมทั้งโจทก์ได้ให้สัตยาบันในการนี้อยู่ในตัว จึงเป็นการชำระหนี้แก่โจทก์ตามกฎหมายแล้ว
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่ให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกาทุกข้อของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์ ให้โจทก์เสียค่าทนายความสองร้อยบาทแทนจำเลย

Share