แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกปลอมดวงตราของผู้ว่าราชการจังหวัดและดวงตราของเจ้าพนักงานที่ดิน แล้วเอาดวงตราปลอมไปดังกล่าวไปประทับในโฉนดที่ดินช่องผู้ว่าราชการจังหวัดและช่องเจ้าพนักงานที่ดินทุกแห่งที่จำเลยลงลายมือชื่อปลอมของบุคคลดังกล่าว ก็เพื่อให้โฉนดที่ดินปลอมมีที่จำเลยกับพวกทำขึ้นนั้นมีข้อความ ลายมือชื่อและรอยตราประทับเหมือนของจริงอันเป็นการปลอมโฉนดที่ดินทั้งฉบับสำเร็จสมดังเจตนาของจำเลยการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก,266(1),251 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
จำเลยกับพวกนำโฉนดที่ดินปลอมซึ่งมีรอยตราปลอมของเจ้าพนักงานประทับและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานศาลอาญาก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยกับพวกในการใช้โฉนดที่ดินปลอมโดยให้เจ้าพนักงานศาลหลงเชื่อว่าจำเลยมีหลักทรัพย์เพียงพอที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจะใช้ดุลพินิจอนุญาตให้จำเลยประกันตัว ซ. จึงจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วย มาตรา 266,252,137 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
การปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการเป็นความผิดสำเร็จเมื่อทำการปลอมเสร็จ แยกเจตนาได้จากการนำเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมนั้นไปใช้ มาตรา 268 วรรคสองให้ลงโทษฐานใช้แต่กระทงเดียว จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมโฉนดที่ดินโดยลงลายมือชื่อปลอมของผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าพนักงานที่ดิน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 251, 252, 264, 266, 268, 83
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 266, 268, 251, 252, 137, 83 ให้เรียงกระทงลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษกรรมเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่ ดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันปลอมโฉนดที่ดินตามฟ้อง โดยกรอกข้อความต่าง ๆ ลงในแบบพิมพ์โฉนดที่ดินซึ่งมีผู้พิมพ์ขึ้น แสดงให้ปรากฏว่านางสำรวยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามฟ้อง พร้อมกับปลอมลายมือชื่อนายเยือนและนายมานิตย์ลงในช่องผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าพนักงานที่ดินตามลำดับ และในสารบัญจดทะเบียนได้กรอกข้อความแสดงการโอนขายต่อ ๆ กันไปจนถึงนายสมนึกขายให้จำเลยและลงลายมือชื่อเจ้าพนักงานที่ดินปลอมในช่องเจ้าพนักงานที่ดิน และจำเลยกับพวกร่วมกันปลอมรอยตราของผู้ว่าราชการจังหวัดและรอยตราของเจ้าพนักงานที่ดินโดยร่วมกันปลอมดวงตราของผู้ว่าราชการจังหวัดและดวงตราของเจ้าพนักงานที่ดินแล้วนำดวงตราปลอมดังกล่าวไปประทับเป็นรอยตราในโฉนดที่ดินดังกล่าวในช่องผู้ว่าราชการจังหวัดกับช่องเจ้าพนักงานที่ดินทั้งนี้เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการของกรมที่ดินที่แท้จริงและจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น เห็นว่าการกระทำของจำเลยกับพวกในขั้นตอนที่ปลอมดวงตราของผู้ว่าราชการจังหวัดและดวงตราของเจ้าพนักงานที่ดินแล้วเอาดวงตราปลอมดังกล่าวไปประทับในโฉนดที่ดินช่องผู้ว่าราชการจังหวัดและช่องเจ้าพนักงานที่ดินทุกแห่งที่มีลายมือชื่อปลอมของบุคคลดังกล่าวก็เพื่อให้โฉนดที่ดินปลอมที่จำเลยกับพวกทำขึ้นนั้นมีข้อความ ลายมือชื่อและรอยตราประทับเหมือนของจริง เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดพบเห็นจะได้เข้าใจว่าเป็นโฉนดที่แท้จริง อันเป็นการปลอมโฉนดที่ดินทั้งฉบับสำเร็จสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท คือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก, 266(1), 251 กระทงหนึ่ง ต่อมาจำเลยกับพวกนำโฉนดที่ดินปลอมซึ่งมีรอยตราปลอมของผู้ว่าราชการจังหวัดและของเจ้าพนักงานที่ดินประทับอยู่ในโฉนดที่ดินปลอมนั้นไปยื่นต่อหัวหน้าแผนกรับฟ้องศาลอาญาและอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เพื่อขอประกันตัวนางซิ่วเตียงจำเลยในคดีอาญาเรื่องหนึ่งโดยจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อบุคคลดังกล่าวในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินในโฉนดปลอมนั้นเห็นว่าการที่จำเลยกับพวกนำโฉนดที่ดินปลอมซึ่งมีรอยตราปลอมของเจ้าพนักงานประทับและแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานศาลอาญา ก็เพื่อประโยชน์ให้สมเจตนาของจำเลยกับพวกในการใช้โฉนดที่ดินปลอม โดยให้เจ้าพนักงานศาลอาญาหลงเชื่อว่าจำเลยมีหลักทรัพย์เพียงพอที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาจะใช้ดุลพินิจอนุญาตให้จำเลยประกันตัวนางซิ่วเตียง จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทอีกกระทงหนึ่ง คือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 266, 252, 137 ทั้งนี้เพราะการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ (ปลอมโฉนดที่ดิน) ความผิดสำเร็จเมื่อทำการปลอมเสร็จ แยกเจตนาได้ต่างหากจากเจตนานำเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมนั้นไปใช้ และการกระทำของจำเลยตามฟ้องแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาดังกล่าว แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง บัญญัติไว้ความว่า ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 268 วรรคแรก เป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว ฉะนั้นแม้จำเลยจะมีความผิด 2 กระทงดังวินิจฉัยแล้ว ก็ลงโทษจำเลยได้เพียงกระทงเดียวตามบทบัญญัติดังกล่าว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก, 266(1), 251 กระทงหนึ่ง ซึ่งมาตรา 266 เป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 266, 252, 137 อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 266 เป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด บทที่มีโทษหนักที่สุดของแต่ละกระทงมีอัตราโทษเท่ากัน และมาตรา 268 วรรคสองบัญญัติให้ลงโทษจำเลยเพียงกระทงเดียว จึงให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266