คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การพาแร่เคลื่อนที่โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดนั้น ไม่มีกฎหมายให้ริบแร่

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ ได้นำแร่วูลแฟรมหนัก ๒๑๓๗.๘๐๐ กิโกกรัมเคลื่อนที่ไปตำบลท่าชักโดยมิไดรับอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้ง ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๔ มาตรา ๒๐ ให้ปรับคนละ ๔๐๐ บาท ส่วนแร่ของกลางนั้นเห็นว่าตามกฎหมายเรื่องเหมืองแร่ไม่มีบทบัญญัติไว้โดยตรงว่าให้ริบ แต่ทั้งนี้ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลว่าควรจะริบหรือไม่ตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๗ ซึ่งศาลชั้นต้นเห็นควรไม้ริบแร่ของกลาง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการนำแร่เคลื่อนที่โดยมิได้รับอนุญาตเคยมีคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๑/๒๔๘๑ เป็นบรรทัดฐานแล้ว จึงพิพากษายืนในข้อที่สั่งให้ริบแร่ของกลาง
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลขั้นต้นที่ว่าความผิดเช่นนี้จะริบแต่ได้หรือไม่ หาได้มีบัญญัติในพระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ไม่จึงต้องไปดูกฎหมายอาญามาตรา ๒๗,๒๘ เห็นว่าแร่ของกลางนี้ไม่จัดเข้าเป็นทรัพย์ที่ควรริบได้ โดยมิได้อยู่ในเกณฑ์ที่ให้ริบได้ และไม่เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ว่าการจะริบแร่หรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาล ส่วนที่ศาลอุทธรณ์อ้างคำพิพากษาฎีกามาก็ไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าแร่ของกลางนี้จะริบไม่ได้ โดยมิได้มีตัวบทกฎหมายให้ริบ จึงพิพากษาแก้เฉพาะว่าแร่ของกลางไม่ริบ นอกนี้คงพิพากษายืน

Share