แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การซุกซ่อนธนบัตร์ต่างประเทศเข้ามาในในราชอาณาจักร์โดยมิได้แสดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากร โดยมิได้มีเจตนาจะนำมาใช้เพื่อตนเองแม้ในจำนวนเงินสำหรับ 1000 บาทก็เป็นความผิดด้วย.
ย่อยาว
จำเลยซุกซ่อนธนบัตร์ดอลล่าสหรัฐมลายูมาในรองเท้า ๑๔๐๐ เหรียญคิดเป็นเงินไทยในวันนำเข้ามา ๑๘๔๘ บาท ๑๘ สตางค์ล่วงพ้นด่านศุลกากรสุไหงโกล๊ค จังหวัดนราธิวาส มิได้นำออกแสดงให้เจ้าพนักงานศุลกากรตรวจ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ซุกซ่อนธนบัตร์ของกลางเข้ามาโดยเจตนาหลีกเลี่ยงข้อจำกัดว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาและผ่านด่านศุลกากรเข้ามาแล้ว จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร์ พ.ศ.๒๔๘๒ มาตรา ๓-๕ และพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉะบับที่ ๙) พ.ศ.๒๔๘๒ มาตรา ๖ ให้ปรับจำเลย ๕๕๔๔ บาท ๕๕ สตางค์เงินของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้หลีกเลี่ยงแต่หากศาลอุทธรณ์เชื่อข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น ก็ขอให้หักเงินราคา ๑๐๐๐ บาทซึ่งจำเลยมีสิทธินำเข้ามาได้ออกเสียก่อนสั่งปรับ ๓ เท่า
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้หักจำนวนเงิน ๑๐๐๐ บาทให้จำเลยก่อนปรับ ๓ เท่า
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร์มีข้อยกเว้นว่าจะนำมาพร้อมกับตนเองเพื่อใช้ได้โดยมิต้องได้รับอนุญาตมีราคาไม่เกิน ๑๐๐๐ บาท คดีนี้จำเลยซุกซ่อนธนบัตร์มาในรองเท้า ซึ่งส่อแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะนำมาใช้เพื่อตนเองตามข้อยกเว้น แต่คงจะนำมาเพื่อประโยชน์อันใดอื่น จึงซุกซ่อนหลีกเลี่ยงโดยมิได้แสดงต่อเจ้าพนักงานดังปรากฎในแบบสำแดงรายการหีบห่อของคนโดยสานที่นำเข้ามาพร้อมกับตน ทั้งเมื่อเจ้าพนักงานสอบถามจำเลยก็ตอบปฏิเสธว่าไม่มีธนบัตร์นำติดตัวเข้ามาด้วย ในชั้นต่อสู้คดีก็มิได้กล่าวว่านำเงินเข้ามาใช้เพื่อตนเองเลย ดังนี้จึงไม่มีทางที่จะสันนิษฐานว่าจำเลยได้นำเงินส่วนหนึ่งราคา ๑๐๐๐ บาทมาใช้เพื่อตนเองอย่างไร ข้อยกเว้นจึงนำมาใช้ไม่ได้ กล่าวคือจะหักเงินจำนวนราคา ๑๐๐๐ บาทแรกให้จำเลยไม่ได้ จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์บังคับคดีตามศาลชั้นต้น