คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามคำสั่งศาลนั้นกฎหมายมีเจตนารมณ์ ว่าจะต้องขายให้ได้ราคาสูงที่สุดเท่าที่สามารถจะประมูลขายได้ หากเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทอดตลาดหรือศาลเห็นว่าราคาของผู้ประมูลสูงสุดในการประมูลครั้งนั้นต่ำไป เป็นราคาที่ไม่สมควรหรือควรจะได้ราคาที่สูงกว่านั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลอาจไม่อนุญาตให้ขาย แล้วเลื่อนไปประกาศขายใหม่ได้ แม้โจทก์จะเป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอราคาสูงสุดซึ่งสูงกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ตาม แต่ราคาดังกล่าวหาใช่เป็นการประเมินตามราคาท้องตลาดที่แท้จริงไม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีอาจคำนวณราคาท้องตลาดได้โดยอาศัยวงเงินที่โจทก์รับจำนองประกอบกับประเพณีของธนาคารที่จะ รับจำนองในวงเงินที่ต่ำกว่าราคาทรัพย์ที่แท้จริง ทั้งกรณีเป็นการประกาศขายทอดตลาดครั้งแรกหลังการจำนองเกินกว่า 5 ปี ราคาน่าจะต้องสูงขึ้นไปอีกมาก เจ้าพนักงานบังคับคดีพอจะเห็นได้ว่า ราคาซึ่งโจทก์เสนอสูงสุดนั้นยังไม่เพียงพอโดยต่ำกว่าวงเงินที่โจทก์รับจำนอง ฉะนั้น หากถอนทรัพย์จากการขายทอดตลาดในครั้งนี้แล้วประกาศขายทอดตลาดใหม่ อาจได้ราคาสูงกว่าที่โจทก์เสนอ ดังนี้ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้ขายทรัพย์แก่โจทก์จึงเป็นการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อ ป.พ.พ. มาตรา 513ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 308.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 6,010,543.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยที่ 1ไม่ชำระตามคำบังคับ โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 14288 แขวงวัดเทพศิรินทร์ พร้อมสิ่งปลูกสร้างตึกแถวอาคารพาณิชย์ 7 ชั้นครึ่ง จำนวน 1 หลัง ของจำเลยที่ 1 และทำการขายทอดตลาดไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2532 เป็นจำนวนเงิน 4,200,000 บาท
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าราคาที่ขายต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก โดยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอยู่ในย่านธุรกิจที่มีความเจริญ ก่อนจะมีการขายทอดตลาดเคยมีคนมาติดต่อขอซื้อจากจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 9,500,000 บาท โจทก์เป็นผู้ซื้อโดยสมคบกับเจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาทรัพย์ต่ำกว่าราคาจริง และเป็นการขายครั้งแรกโดยจำเลยที่ 1 ได้คัดค้านแล้ว การขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้เพิกถอน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างราคาไม่เกิน2,195,000 บาท โจทก์ซื้อในราคา 4,200,000 บาท เกินกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์มิได้สมคบกับเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วประเมินราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริง จำเลยที่ 1ต้องการประวิงคดี ขอให้ยกคำร้อง
ในระหว่างพิจารณาเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งรายงานการยึดและการขายทอดตลาดต่อศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ให้งดไต่สวนพยานแล้วมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไปโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้วยกคำร้องของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามคำสั่งศาลนั้น กฎหมายมีเจตนารมณ์ว่าจะต้องขายให้ได้ราคาสูงที่สุดเท่าที่สามารถจะประมูลขายได้ หากเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทอดตลาดหรือศาลเห็นว่าราคาของผู้ประมูลสูงสุดในการประมูลครั้งนั้นต่ำไปเป็นราคาที่ไม่สมควร หรือควรจะได้ราคาที่สูงกว่านั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลอาจไม่อนุญาตให้ขาย แล้วเลื่อนไปประกาศขายใหม่ดังจะเห็นได้จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513 บัญญัติว่า”เมื่อใดผู้ทอดตลาดเห็นว่าราคาซึ่งมีผู้สู้สูงสุดนั้นยังไม่เพียงพอผู้ทอดตลาดอาจถอนทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดได้” คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงตามสัญญาจำนองเอกสารท้ายฟ้องว่า ที่ดินพร้อมตึกแถวที่ขายทอดตลาดในครั้งนี้ธนาคารโจทก์เคยรับจำนองจากจำเลยที่ 1เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2526 เป็นจำนวนเงินถึง 5,000,000 บาท ซึ่งตามประเพณีของธนาคารจะให้วงเงินจำนองต่ำกว่าราคาที่เป็นจริงการขายทอดตลาดในครั้งนี้ได้กระทำหลังจากการรับจำนองเกินกว่า5 ปี ทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นอาคารพาณิชย์เป็นตึกสูง 7 ชั้นครึ่งพร้อมที่ดินอยู่ในย่านทำเลการค้า น่าเชื่อว่ามีราคาสูงขึ้นกว่าตอนโจทก์รับจำนองอีกมาก อันเป็นราคาที่สูงขึ้นตามปกติของที่ดินในท้องตลาดทั่วไปแม้การประมูลในครั้งนี้ผู้ประมูลให้ราคาสูงสุดถึง 4,200,000 บาท สูงกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งประเมินเพียง 1,805,000 บาท แต่การประเมินดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณราคาเพื่อนำมาคำนวณค่าธรรมเนียมในกรณียึดแล้วไม่มีการขาย และเพื่อดูว่าทรัพย์สินที่ยึดเพียงพอที่จะบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ เป็นการประมาณราคาแบบคร่าว ๆ มิใช่ประเมินตามราคาท้องตลาดที่แท้จริง แต่การขายทอดตลาดนั้นผู้ทอดตลาดอาจคำนวณราคาโดยอาศัยวงเงินที่โจทก์รับจำนองประกอบกับประเพณีของธนาคารที่จะรับจำนองในวงเงินที่ต่ำกว่าราคาทรัพย์ที่แท้จริงทั้งขายทอดตลาดหลังการจำนองเกิน 5 ปี ราคาน่าจะต้องสูงขึ้นไปอีกมากการขายทอดตลาดในครั้งนี้เป็นการประกาศขายครั้งแรก ผู้ทอดตลาดพอจะเห็นได้ว่า ราคาซึ่งผู้สู้สูงสุดนั้นยังไม่เพียงพอ หากถอนทรัพย์จากการขายทอดตลาดในครั้งนี้แล้วประกาศการขายทอดตลาดใหม่อาจได้ราคาสูงกว่าที่โจทก์เสนอราคาในครั้งแรกดังที่จำเลยที่ 1คัดค้านไว้ก็ได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์ตามพฤติการณ์แล้วน่าเชื่อว่าหากมีการประกาศขายใหม่จะมีผู้สู้ราคาสูงกว่าในครั้งนี้การอนุญาตให้ขายของเจ้าพนักงานบังคับคดีในครั้งนี้จึงมิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการขายทอดตลาด เป็นการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อมาตรา 513 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประกอบมาตรา 308 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในครั้งนี้ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในครั้งนี้ โดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดใหม่ต่อไป.

Share