คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ ในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ที่โจทก์กล่าวอ้างว่า ร.บิดาโจทก์ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ และ ร.ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทแทนโจทก์นั้น ไม่มีพยานสนับสนุน เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ คงได้ความจากพยานจำเลยว่าระหว่างที่ ร.ป่วย ร.บอกให้จำเลยสร้างห้องน้ำ ปลูกต้นไม้สร้างเล้าเป็ดเล้าไก่ในที่ดินพิพาท โดยโจทก์ไม่ทักท้วง แสดงว่าโจทก์ยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ร.การที่โจทก์ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นการอาศัยสิทธิของ ร.เท่านั้น โจทก์ยึดถือครอบครองต่อมาถือว่าครอบครองแทนทายาท โจทก์ไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท หากโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ก็ต้องฎีกาคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ว่าเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุน และที่เชื่อพยานหลักฐานของจำเลยนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร แต่โจทก์กลับฎีกาว่าโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอลงชื่อเป็นเจ้าของในหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทและขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ร.ศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องและตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. คดีถึงที่สุดผูกพันทายาทของ ร.และจำเลย โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาททั้งหมด ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าไม่ชอบหรือผิดพลาดอย่างไร ส่วนที่ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษานอกฟ้องนอกสำนวน ก็ไม่กล่าวว่านอกฟ้องนอกสำนวนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพร้อมบ้านเลขที่ ๘๖/๑ โดยนายรอดบิดาโจทก์เป็นผู้ยกที่ดินให้ และโจทก์ปลูกสร้างบ้านดังกล่าวลงบนที่ดินครอบครองมาโดยตลอด นายรอดได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) เลขที่ ๒๑๕๒ แทนโจทก์ เมื่อนายรอดถึงแก่กรรมศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง โรงครัวห้องน้ำ เล้าไก่ เล้าหมู รั้วลวดหนามออกไปให้พ้นจากเขตที่ดินโจทก์ และห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายรอด ย่อมตกได้แก่ทายาทแม้โจทก์จะครอบครองก็เป็นการครอบครองแทนทายาท โจทก์มิได้เป็นผู้จัดการมรดกของนายรอดแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ วินิจฉัยว่า ที่โจทก์อ้างว่านายรอดบิดาโจทก์ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์นั้น โจทก์ไม่มีพยานสนับสนุน ปรากฏว่านายรอดได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทในนามของนายรอดเอง โจทก์ไม่ทักท้วงว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ทั้ง ๆ ที่อ้างว่าโจทก์มีบ้านและภูมิลำเนาอยู่ในที่ดินพิพาท ที่อ้างว่านายรอดขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในนามของโจทก์ก็ไม่มีพยานสนับสนุน เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ และไม่มีเหตุผลที่นายรอดต้องทำเช่นนั้น จำเลยและนายสมคิดบุตรนายรอดเบิกความว่า ระหว่างที่นายรอดป่วย นายรอดบอกให้จำเลยสร้างห้องน้ำ ปลูกต้นไม้ สร้างเล้าเป็ด เล้าไก่ ในที่ดินพิพาทโดยโจทก์ไม่ได้ทักท้วงแสดงว่าโจทก์ยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นของนายรอด การที่โจทก์ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เป็นเพียงอาศัยสิทธิของนายรอดเท่านั้น เมื่อนายรอดถึงแก่กรรมที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์มรดกของนายรอด โจทก์ยึดถือครอบครองต่อมาถือว่าครอบครองแทนทายาท โจทก์ไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ดังนี้ ถ้าหากโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ก็ต้องฎีกาคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ วินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ว่าเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุนและที่เชื่อฟังพยานหลักฐานของจำเลยนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร แต่โจทก์กลับฎีกาว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๘ ต่อศาลจังหวัดสีคิ้วขอลงชื่อโจทก์ในฐานะส่วนตัวใน น.ส.๓ เลขที่ ๒๑๕๒ โดยเป็นเจ้าของที่ดินและขอเป็นผู้จัดการมรดกนายรอด ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องและตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายรอด คดีถึงที่สุดผูกพันทายาทนายรอดและจำเลย โจทก์ในฐานะส่วนตัวจึงได้สิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.๓ เลขที่ ๒๑๕๒ ทั้งหมด ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ว่าไม่ชอบหรือผิดพลาดอย่างไร ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษานอกฟ้องนอกสำนวน ก็ไม่กล่าวว่านอกฟ้องนอกสำนวนอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาไว้เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์.

Share