แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย ในประเด็นข้อ 1 แม้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ฎีกา ของจำเลย ก็มิได้โต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ส่วนฎีกาของจำเลยในประเด็นข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นนี้ก็ไม่เกินสองแสนบาท แม้จะเป็นฎีกา เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม กรณีก็ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248(ที่แก้ไขแล้ว)จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า การที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยแพ้คดี จำเลยได้นำข้อความ ในอุทธรณ์มาใช้ในการฎีกาจึงเท่ากับจำเลยได้อุทธรณ์ความเห็นของ ศาลอุทธรณ์แล้ว ซึ่งไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 192 แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างพร้อมบริวารออกไปจากที่พิพาทของโจทก์ทั้งสองตามรูปแผนที่วิวาท และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง ปีละ 500 บาท นับจากวันฟ้อง (28 เมษายน 2531) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างพร้อมบริวาร ออกไปจากที่พิพาท
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 183)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 189)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยติดใจยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยในประเด็นที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่เท่านั้น ในประเด็นนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยให้การไว้ว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องอย่างชัดเจนอันจะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีและข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่า จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดให้แก่โจทก์ก็เป็นข้อที่ไม่ปรากฏในฟ้องเป็นฟ้องที่ไม่ชอบนั้นก็เห็นว่าไม่มีข้อความตอนใดในฎีกาของจำเลยที่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้วจึงให้ยกคำร้อง