แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง ได้แจ้งการครอบครองไว้ตาม ส.ค.1 และที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าว ต่อมาจำเลยซื้อที่พิพาทจากโจทก์ โจทก์ส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยครอบครองนับแต่ปี 2503 จนบัดนี้ ต่อมาทางการออกโฉนดให้ในนามของโจทก์ เพราะใน ส.ค.1 เป็นชื่อของโจทก์ โดยโจทก์ตกลงกับจำเลยว่า เมื่อออกโฉนดแล้ว โจทก์จะโอนให้จำเลยภายหลังดังนี้ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นแต่เพียงมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดแทนจำเลย เพื่อความสะดวกในการออกโฉนดเท่านั้นจำเลยจึงมีสิทธิฟ้องโจทก์ขอให้ศาลแสดงสิทธิของจำเลยได้ ไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติเรื่องอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๖๙๖ เนื้อที่ ๒ งาน ๕๕ วาเป็นของโจทก์เมื่อกลางปี พ.ศ.๒๕๑๔ จำเลยมาขออาศัยที่ดินแปลงดังกล่าวบางส่วนปลูกโรงสี ๑ โรง สำหรับติดตั้งเครื่องสีข้าว โจทก์บอกให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่ยอมรื้อถอนโต้เถียงว่าเป็นที่ดินของจำเลย จึงขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเคยเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๑๖๓ ของโจทก์มีเนื้อที่ทั้งหมดราว ๒ ไร่ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๓ จำเลยซื้อที่พิพาทจากโจทก์ในราคา ๓๕๐ บาท จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทอย่างสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่วันซื้อตลอดมาจนบัดนี้เป็นเวลา ๑๓ ปีเศษ แต่ยังไม่ได้โอนทางทะเบียนกัน จำเลยจึงมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท จำเลยปลูกโรงสีข้าวในที่ดินของจำเลยเอง ไม่ได้ขออาศัยที่ดินโจทก์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าที่พิพาทโฉนดเลขที่ ๔๖๙๖ เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย สั่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิให้แก้โฉนดดังกล่าวให้มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องขัดขวางจำเลยในการใช้สิทธิในที่พิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ บังคับตามฟ้องแย้งว่าที่พิพาทโฉนดเลขที่ ๔๖๙๖ เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้องขัดขวางจำเลยในการใช้สิทธิในที่พิพาท ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงตามฎีกาของโจทก์
ที่โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความ โดยอ้างว่าจำเลยฟ้องคดีนี้เกิน ๑ ปีนับแต่วันที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิแนะนำให้ฟ้องนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติรับฟังได้ว่าชั้นเดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ๑ แปลง ซึ่งโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้ตาม ส.ค.๑ และที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๓ จำเลยซื้อที่พิพาทจากโจทก์ในราคา ๓๕๐ บาทตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.๑ โจทก์ก็ได้ส่งมอบที่พิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองนับแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๓ เป็นต้นมาจนบัดนี้ ต่อมาทางการออกโฉนดเลขที่ ๔๖๙๖ ให้ในนามของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๑ เพราะใน ส.ค.๑ เป็นชื่อของโจทก์ โดยโจทก์ตกลงกับจำเลยว่าเมื่อออกโฉนดแล้วโจทก์จะโอนให้จำเลยภายหลัง ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าว โจทก์ก็ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท เป็นแต่เพียงมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดแทนจำเลยเพื่อความสะดวกในการออกโฉนดเท่านั้น จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องโจทก์ ขอให้ศาลแสดงสิทธิของจำเลยได้ ไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติเรื่องอายุความ
พิพากษายืน