คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างเกิดเหตุ จ. เป็นผู้จัดการของบริษัทจำเลยย่อมถือได้ว่าจ. เป็นผู้แทนบริษัทจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลในอันที่จะแสดงออกถึงความประสงค์แทนบริษัทจำเลยได้ การที่ จ. ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำการติดตั้งถังน้ำในโรงงานเพื่อใช้ในกิจการของจำเลยแม้จะฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทที่ระบุว่าต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจอีกคนหนึ่งร่วมลงนามด้วย แต่ระหว่างที่โจทก์ดำเนินการตามสัญญากรรมการของบริษัทจำเลยคนอื่นไม่ได้ทักท้วงและรับมอบผลงานนั้นจากโจทก์ไว้แล้ว จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาต่อโจทก์หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำถังน้ำ พร้อมทำการติดตั้งที่โรงงานของจำเลยราคา 310,303 บาท จำเลยวางมัดจำในวันทำสัญญา 62,060 บาทที่เหลือจะชำระภายใน 7 วันนับแต่วันติดตั้งเสร็จ โจทก์ทำถังน้ำเสร็จและส่งมอบให้จำเลยรับไว้แล้ว และจำเลยได้ซื้ออุปกรณ์ถังน้ำจากโจทก์อีกเป็นเงิน 7,500 บาท โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระ จำเลยปฏิเสธ ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่าไม่เคยว่าจ้างโจทก์ และรับมอบถังน้ำทั้งไม่เคยสั่งซื้ออุปกรณ์ดังโจทก์ฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 255,734 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2520 นายบรรจงซึ่งระหว่างเกิดเหตุเป็นผู้จัดการและเป็นกรรมการคนหนึ่ง ของบริษัทจำเลยได้ลงนามทำสัญญาเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ทำและติดตั้งถังน้ำพิพาทที่โรงงานสุราจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นโรงงานของกรมสรรพสามิตที่จำเลยประมูลได้ และเช่าเพื่อทำและดำเนินการกิจการสุรา ตกลงค่าจ้าง 310,303 บาท วางมัดจำ 62,060 บาท ส่วนที่เหลือตกลงชำระใน 7 วัน นับแต่ติดตั้งเสร็จ ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 ได้บัญญัติให้เห็นถึงการแสดงออกซึ่งความประสงค์ของนิติบุคคลว่า อันความประสงค์ของนิติบุคคลนั้น ย่อมแสดงปรากฏจากผู้แทนทั้งหลายของนิติบุคคลนั้น ระหว่างเกิดเหตุนายบรรจงเป็นผู้จัดการของบริษัทจำเลยย่อมถือได้ว่านายบรรจงเป็นผู้แทนของบริษัทจำเลย ซึ่งเป็นนิติบุคคลในวันที่จะแสดงออกถึงความประสงค์แทนบริษัทจำเลยได้ การที่นายบรรจงในฐานะผู้จัดการของบริษัทจำเลย ในขณะนั้นทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำและติดตั้งถังน้ำในโรงงานเพื่อใช้ในกิจการของบริษัทจำเลย จึงเป็นการกระทำแทนบริษัทจำเลย ข้อที่จำเลยอ้างว่า การลงนามในสัญญาว่าจ้างของนายบรรจงฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทที่ระบุว่าต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจอีกคนหนึ่งร่วมลงนามด้วย เห็นว่าระหว่างโจทก์ดำเนินการสร้างถังน้ำตามสัญญา กรรมการของจำเลยคนอื่นมิได้ทักท้วงและปล่อยให้โจทก์ก่อสร้างจนแล้วเสร็จถึงกับได้มีการรับมอบผลงานนั้นจากโจทก์ไว้แล้ว ตามเอกสารหมาย จ.3 ดังนั้นจำเลยจะปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ.2 ต่อโจทก์หาได้ไม่ จำเลยจึงต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระ 255,743 บาทแก่โจทก์

พิพากษายืน

Share