คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยตกลงขายไม้ยางท่อนซุงและรับเงินค่าไม้จากผู้เสียหายโดยเจตนาขายไม้ยางท่อนซุงที่จำเลยได้ตกลงซื้อไว้ แต่จำเลยไม่สามารถ จัดส่งไม้ยางท่อนซุงให้ผู้เสียหายได้ เพราะทางราชการไม่อนุญาตให้ ทำไม้ดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดสัญญาในทางแพ่ง เท่านั้น หาเป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3 สิงหาคม 2530 ถึงวันที่26 พฤษภาคม 2531 ต่อเนื่องกัน จำเลยโดยทุจริตได้หลอกลวงบริษัทศรีธนเทพ จำกัด ผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจำเลยมีไม้ยางท่อนซุงซึ่งยังมิได้แปรรูปปริมาตรรวม 300 ลูกบาศก์เมตรเป็นไม้ที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ทำไม้แล้วโดยถูกต้องตามกฎหมายและมีความประสงค์จะขายไม้ยางดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายโดยยืนยันว่าสามารถจัดส่งไม้ทั้งหมดให้แก่ผู้เสียหายได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมทำสัญญาซื้อขายไม้ยางจำนวนดังกล่าวกับจำเลย ซึ่งความจริงแล้วจำเลยไม่เคยไปขออนุญาตทำไม้ยางหรือได้รับอนุญาตให้ทำไม้ยาง และไม่มีไม้ยางท่อนซุงตามจำนวนที่กล่าวอ้างเป็นเหตุให้จำเลยได้ไปซึ่งเงินจำนวน 100,000 บาท จากผู้เสียหายเป็นการชำระราคาไม้ยางบางส่วน เหตุเกิดที่ตำบลหมากแข้งอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 100,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 จำคุก 4 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 100,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2530 จำเลยได้ตกลงขายไม้ยางท่อนซุงปริมาตร 300 ลูกบาศก์เมตร ราคารวม 660,000 บาทให้ผู้เสียหาย จำเลยตกลงว่าจะส่งมอบไม้ยางท่อนซุงให้ผู้เสียหายในภายหลัง ในวันดังกล่าวจำเลยได้รับเงินค่าไม้ยางท่อนซุงล่วงหน้าไปจากผู้เสียหายเป็นเงินสดและเป็นเช็ครวมเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันไว้ตามเอกสารหมาย จ.6 ต่อมาจำเลยไม่ได้ส่งมอบไม้ยางท่อนซุงให้ผู้เสียหายตามสัญญา มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายเจษฎาเผ่าพงษ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ตกลงทำสัญญาซื้อไม้ยางท่อนซุงจากจำเลยแทนผู้เสียหาย และนายสมานเวียงนนท์ ลูกจ้างของผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า ในขณะที่จำเลยตกลงขายไม้ยางท่อนซุงให้ผู้เสียหาย จำเลยบอกนายเจษฎาว่า จำเลยมีไม้ยางท่อนซุงพร้อมที่จะส่งมอบให้ผู้เสียหายอยู่แล้ว ความจริงจำเลยไม่มีไม้ยางท่อนซุงตามที่ตกลงขายให้ผู้เสียหาย เห็นว่าจากคำเบิกความของนายเจษฎาที่ว่านายเจษฎาไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนและนายเจษฎาไม่เคยให้พนักงานของผู้เสียหายไปตรวจดูไม้ยางท่อนซุงของจำเลยแต่อย่างใดเลยนั้น ทำให้มีเหตุไม่น่าเชื่อว่าในขณะที่จำเลยตกลงขายไม้ยางท่อนซุงให้ผู้เสียหาย จำเลยได้บอกนายเจษฎาว่าจำเลยมีไม้ยางท่อนซุงพร้อมที่จะส่งมอบให้ผู้เสียหายอยู่แล้วดังคำเบิกความของนายเจษฎาและนายสมาน เพราะไม้ยางท่อนซุงที่ตกลงซื้อขายกันมีราคารวมถึง 660,000 บาท และจำนวนเงินที่นายเจษฎาว่าจ่ายล่วงหน้าให้จำเลยไปแทนผู้เสียหายก็มีจำนวนเงินถึง 100,000 บาท หากจำเลยได้บอกนายเจษฎาว่าจำเลยมีไม้ยางท่อนซุงพร้อมที่จะส่งมอบให้ผู้เสียหายอยู่แล้วจริง เชื่อได้ว่านายเจษฎาจะต้องจัดให้มีการตรวจสอบก่อนตกลงซื้อจากจำเลยว่าจำเลยมีไม้ยางท่อนซุงอยู่จริงหรือไม่และมีสภาพเป็นอย่างไร พยานหลักฐานของโจทก์ได้ความดังนี้ ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยและนายบุญเลิศ สุขเกษมเป็นพยานเบิกความว่า ไม้ยางท่อนซุงที่จำเลยตกลงขายให้ผู้เสียหายเป็นต้นไม้ยางในที่ดินของชาวบ้านที่จำเลยตกลงซื้อและจะขออนุญาตทำไม้จากทางราชการเพื่อตัดส่งมอบให้ผู้เสียหาย ซึ่งขณะที่จำเลยตกลงขายให้ผู้เสียหาย นายเจษฎา ผู้ทำการแทนผู้เสียหายทราบดีอยู่แล้ว แต่ต่อมาทางราชการไม่อนุญาตให้ทำไม้ดังกล่าว จำเลยจึงไม่สามารถตัดส่งมอบให้ผู้เสียหายได้ตามสัญญาและจำเลยมีนายชาลีสระแก้ว นายเครือ ผาโคตร นายสวน พลบูรณ์ กับนายไฮ สงวนศิลป์เป็นพยานเบิกความได้ความสอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยและนายบุญเลิศว่า จำเลยได้ตกลงซื้อต้นไม้ยางจากนายเครือ นายสวนนายไฮ และชาวบ้านอื่น โดยผู้ขายได้มอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านและลงชื่อในคำขอทำไม้ยางในที่ดินของผู้ขายตามเอกสารหมาย ล.2 ถึง ล.12 ให้จำเลยเพื่อนำไปยื่นขออนุญาตทำไม้ที่ซื้อขายจากทางราชการแทนผู้ขาย ซึ่งนายเจนระยับกุล ป่าไม้อำเภอโนนสัง พยานของโจทก์ก็เบิกความเจือสมกับทางนำสืบของจำเลยดังกล่าวว่า จำเลยเคยนำหลักฐานเอกสารหมาย ล.2ถึง ล.12 ไปขออนุญาตทำไม้จากทางราชการจริง แต่ทางราชการไม่อนุญาตจึงเห็นว่าพยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักเชื่อได้ว่าจำเลยตกลงขายไม้ยางท่อนซุงและรับเงินค่าไม้ล่วงหน้าจากผู้เสียหาย โดยเจตนาขายไม้ยางท่อนซุงที่จำเลยได้ตกลงซื้อไว้ แต่จำเลยไม่สามารถจัดส่งไม้ยางท่อนซุงให้ผู้เสียหายได้เพราะทางราชการไม่อนุญาตให้ทำไม้ดังกล่าวจริงตามที่จำเลยนำสืบมิใช่ว่าจำเลยไปหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยมีไม้ยางท่อนซุงพร้อมที่จะส่งให้ผู้เสียหายอยู่แล้วดังทางนำสืบของโจทก์ จึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวหากจะเป็นความผิดก็เป็นการกระทำผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น แต่ไม่เป็นความผิดในทางอาญาดังฟ้องของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share