แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเงื่อนไขข้อหนึ่งในสัญญายกที่ดินให้โจทก์ไม่มีผลผูกพันโจทก์ โดยถือว่ามิได้มีข้อสัญญาข้อนี้ต่อกันโจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนออกเสียจากสัญญานั้นได้
สัญญาให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นการยกให้โดยไม่มีมูลค่าตอบแทนใด ๆ ย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยมิได้อ้างเหตุผลประกอบว่าทำไมจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ในข้อไหนอย่างไรเป็นข้อตัดฟ้องที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนเงื่อนไขในสัญญายกที่ดินให้โจทก์ไม่เกี่ยวกับการบอกล้างโมฆียะกรรมแต่อย่างไร จึงต้องใช้อายุความทั่วไป มีกำหนด 10 ปี
สัญญาให้ที่ดินซึ่งคู่สัญญาทำขึ้นต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ใช่เอกสารมหาชนดังเช่นโฉนดที่ดิน แต่เป็นเอกสารสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งคู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างถึงความไม่สมบูรณ์ หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 วรรคท้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ไปแสดงความจำนงขอมอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน เนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ ในโฉนดเลขที่ ๑๐๒๒จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ ให้แก่โจทก์ เพื่อใช้เป็นสถานีขนส่ง ต่อมาได้มีการเจรจาเพื่อตกลงกันเกี่ยวกับการรับโอนที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ตกลงยกที่ดินดังกล่าวให้โดยไม่มีเงื่อนไขอย่างใด ครั้นวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๑๑ จึงได้มีการจดทะเบียนนิติกรรมเกี่ยวกับโอนที่ดินแปลงดังกล่าว ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ระหว่างจำเลยที่ ๒ กับนายประเสริฐผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำหนังสือให้ที่ดินเป็นหลักฐานซึ่งไม่มีเงื่อนไขเป็นข้อที่ ๓ แต่อย่างใดเมื่อนายประเสริฐได้รับโฉนดตามวันนัด ปรากฏว่าเกิดมีเงื่อนไขในสัญญาเป็นข้อที่ ๓ ว่า “ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ผู้รับให้ได้รับกันนี้เพื่อใช้ประโยชน์เป็นสถานีขนส่งรถยนต์โดยสารทุกเส้นทางการเดินรถแห่งเดียวซึ่งเหมาะสมและเพียงพอประจำจังหวัดเชียงใหม่ตลอดไปเขตติดต่อของที่ดินทั้งสองฝ่ายจะไม่กั้นแนวเขตและจะไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่น” การมีเงื่อนไขเพิ่มเติมภายหลังเป็นไปโดยมิชอบ ม่ผูกพันโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เพิกถอนเงื่อนไขในสัญญาในข้อ ๓ ออกเสียถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยทั้งสองให้การว่า เงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ ๓ ได้กำหนดขึ้นในขณะทำนิติกรรม โจทก์ไม่อาจขอให้เพิกถอนเสียได้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้ตกลงยกที่ดินและสร้างสถานีขนส่งให้โจทก์โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑โจทก์จะขอบังคับจำเลยที่ ๒ ด้วยไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เพิกถอนเงื่อนไขในสัญญาให้ข้อ ๓ ออก ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ตามฎีกาข้อ ๑ ศาลฎีกาเห็นว่า เงื่อนไขข้อ ๓ ไม่มีผลผูกพันโจทก์โดยถือว่ามิได้มีข้อสัญญาในข้อนี้ต่อกันแต่อย่างใด โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนเงื่อนไขข้อ ๓ ออกเสียจากสัญญาให้ที่ดินได้
ฎีกาข้อ ๒ เกี่ยวกับปัญหาว่า สัญญาให้ที่ดินตามเอกสาร ล.๒๔เป็นสัญญาต่างตอบแทนหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ ๑ และโจทก์เป็นการยกให้โดยไม่มีมูลค่าตอบแทนใด ๆย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน เงื่อนไขข้อ ๓ เป็นเพียงกำหนดหน้าที่หรือภาระผูกพันแก่โจทก์ในอนาคตเท่านั้น มิได้ให้สิทธิแก่จำเลยที่ ๑ในอันที่จะเรียกเอาที่ดินคืนจากโจทก์ในรูปของสัญญาต่างตอบแทนแต่อย่างใดเมื่อฟังมาแล้วว่าภาระผูกพันตามเงื่อนไขข้อ ๓ ไม่เป็นข้อสัญญาที่มีผลผูกพันโจทก์ปัญหาที่ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย
ฎีกาข้อ ๓ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม ข้อตัดฟ้องของจำเลยในข้อนี้มิได้อ้างเหตุผลประกอบว่าทำไมจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมในข้อไหนอย่างไร เป็นข้อตัดฟ้องที่ไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ในข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าชอบแล้ว
ฎีกาข้อ ๔ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องอายุความ จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า คดีของโจทก์เป็นเรื่องบอกล้างโมฆียะกรรม จึงต้องฟ้องภายในกำหนด ๑ ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๓ ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์หาได้เกี่ยวกับการบอกล้างโมฆียะกรรมอย่างไรไม่ เพราะเป็นเรื่องปฏิเสธเงื่อนไขในสัญญาให้ที่ดินต่างหาก จำต้องใช้อายุความทั่วไป คือ มีกำหนด ๑๐ ปีคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ส่วนฎีกาข้อ ๕ ในปัญหาเรื่องโจทก์มีสิทธินำสืบพยานบุคคลแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารมหาชนได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเงื่อนไขข้อ ๓ อยู่ในสัญญาให้ที่ดินเอกสาร ล.๒๔ ซึ่งเป็นสัญญาที่คู่สัญญาทำขึ้นต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน เอกสารเช่นนี้ไม่ใช่เอกสารมหาชนดังเช่นหน้าโฉนด แต่เป็นเอกสารสัญญาธรรมดาอย่างหนึ่งซึ่งคู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างถึงความไม่สมบูรณ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๔ วรรคท้าย ฎีกาจำเลยในข้อนี้จึงตกไป
พิพากษายืน