แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีขายขู้ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง + จำเลยโดยเพิ่มวันทำขึ้นอีกจากที่กล่าวในฟ้องเดิมต้องถือว่าเป็นการตั้งประเด็นขึ้นใหม่ ศาลไม่รับพิจารณาเพราะไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน.
โจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องจำเลยแถลงคัดค้านแล้วภายหลังทำคำให้การแก้เรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้ดำเนินการขึ้นใหม่หรือให้สัตยาบันแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำชู้กับภริยาโจทก์เมื่อวันที่ ๑๑ ถึงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๘๓ เวลากลางคืน และวันที่ ๒๗ – ๒๘ พฤษภาคม กับวันที่ ๔ – ๕ – ๖ มิถุนายน ๒๔๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
เมื่อจำเลยให้การแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยทำชู้กับภริยาโจทก์ในวันที่ ๑๖ – ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๘๓ และวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๔๘๓ เวลากลางคืน
ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องเพิ่มเติม จำเลยได้แถลงคัดค้านและได้แก้ฟ้องเพิ่มเติมแล้ว
ในที่สุดศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้ทำชู้กับภริยาโจทก์ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม จริง ส่วนข้อหาสำหรับวันอื่นให้ยกเสีย จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๘๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์เป็นการตั้งประเด็นกล่าวหาจำเลยเพิ่มเติมขึ้นจากซึ่งกล่าวในฟ้องเดิม และการยื่นฟ้องเพิ่มเติมนี้ ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลวิธีพิจารราความแพ่งมาตรา ๑๘๐(๒) และจำเลยก็ได้ยื่นคำโต้แย้งไว้ ฉะนั้นข้อหาในฟ้องเพิ่มเติมยอมตกไป จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่าคดีนี้เกี่ยวด้วยความสงบของประชาชนย่อมอยู่ในข้อยกเว้นของมาตรา ๑๘๐ วรรคท้าย ศาลฎีกาเห็นว่าคดีขายชู้เป็นคดีฉะเพาะบุคคลเพียง ๓ คน คือ โจทก์ จำเลย หญิงคนกลาง จึงไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวว่าตามที่จำเลยคัดค้านด้วยการที่ศาลอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องหลังจากนั้นจำเลยได้ดำเนินการขึ้นใหม่หรือให้สัตยาบันแล้ว เพราะจำเลยให้การแก้คำร้องเพิ่มเติมฟ้อง ข้อคัดค้านจึงฟังได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๗(๒) นั้น เห็นว่าการที่จำเลยต้องแก้คำร้องเพิ่มเติมฟ้อง ก็เพราะศาลรับคำร้องเพิ่มเติมฟ้องไว้ เช่นนี้จะให้จำเลยเฉยอย่างใดได้การทั้งนี้จึงเรียกไม่ได้ว่าจำเลยดำเนินการขึ้นใหม่ หรือให้สัตยาบันแต่อย่างใด จึงพิพากษายืน