คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ค้ำประกันทั้งสามนำ น.ส.3 มาเป็นหลักประกันแทนที่ดินของจำเลย หลังจากที่ ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยกระทำนิติกรรมชั่วคราวในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 265และมาตรา 259 ประกอบมาตรา 274 เป็นคำสั่งที่กำหนดใช้ วิธีการชั่วคราวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาวิธีการหนึ่งเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยมิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา และโจทก์มิได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาและมีเหตุสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นมีผล บังคับต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวแก่ผู้ค้ำประกันทั้งสามจึงเป็นอันยกเลิก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1)ผู้ค้ำประกันทั้งสามจึงมีสิทธิรับหลักประกันคืนไป และศาล ต้องมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินให้แก่ผู้ค้ำประกันทั้งสามด้วย และเมื่อคดีหนี้ของผู้ค้ำประกันทั้งสามเป็น หนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผล ถึงผู้ค้ำประกันซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1)ประกอบด้วยมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายอันเนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและยื่นคำร้องขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งห้ามจำเลยกระทำนิติกรรมใด ๆ ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 3301 ของจำเลยชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอนำนายวันชัย หงษา นายบัวผัน ประวันนา และนางบุญล้อม แสนสะอาดมาเป็นผู้ค้ำประกัน โดยนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาเป็นหลักประกันแทนที่ดินของจำเลยที่ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวไว้ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ผู้ค้ำประกันทั้งสามยื่นคำร้องขอรับหลักประกันคืน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต แต่เมื่อผู้ค้ำประกันทั้งสามไปขอทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าที่ดินของผู้ค้ำประกันทั้งสามยังติดอายัดตามคำสั่งศาลอยู่ ผู้ค้ำประกันทั้งสามจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินของผู้ค้ำประกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามหนังสือค้ำประกันของผู้ค้ำประกันเป็นการค้ำประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ค้ำประกันรับหลักประกันคืนไปเป็นการสั่งโดยผิดหลงจึงให้ยกคำร้อง และให้ผู้ค้ำประกันทั้งสามส่งหลักประกันคืนศาล
ผู้ค้ำประกันที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ค้ำประกันที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ค้ำประกันทั้งสามนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาเป็นหลักประกันแทนที่ดินของจำเลยที่ศาลมีคำสั่งห้ามกระทำนิติกรรมชั่วคราวในระหว่างพิจารณา คำสั่งอนุญาตดังกล่าวศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 265และมาตรา 259 ประกอบมาตรา 274 ทั้งเป็นคำสั่งที่กำหนดใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาวิธีการหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะคดีโดยมิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา และโจทก์มิได้ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาและมีเหตุสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นมีผลบังคับต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวแก่ผู้ค้ำประกันทั้งสามจึงเป็นอันยกเลิกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1)ผู้ค้ำประกันทั้งสามจึงมีสิทธิรับหลักประกันคืนไป และศาลต้องมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินของผู้ค้ำประกันทั้งสามคดีนี้หนี้ของผู้ค้ำประกันทั้งสามเป็นหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงผู้ค้ำประกันที่ 3 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
พิพากษากลับว่า ผู้ค้ำประกันทั้งสามไม่ต้องคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หลักประกันที่รับคืนไปแล้วให้ศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินดังกล่าว

Share