คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3417/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ มี ศ. เพียงปากเดียวเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่าพยานกับจำเลยทำงานที่บริษัทโจทก์ร่วม พยานเป็นช่างบริการมีหน้าที่ติดตั้งเครื่องอัดเม็ดพลาสติกและซ่อมแซม จำเลยทำหน้าที่เกี่ยวกับการติดตั้งใบมีดเครื่องบดเม็ดพลาสติก และติดตั้งหม้ออบพลาสติก ขณะเกิดเหตุปรากฏว่ามีหม้ออบพลาสติกเกินสต๊อกมา 1 เครื่อง จำเลยตกลงกับพยานว่าจะนำเครื่องอบพลาสติกดังกล่าวใส่รถยนต์ของพยานและนำไปเก็บที่ บ้านพยาน หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือนจึงหม้ออบพลาสติกไปขายได้เงินมา 12,000 บาท นำเงินมาแบ่งกันระหว่างพยานกับจำเลย เห็นได้ว่าพยานปากนี้เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแม้ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำพยานปากนี้ก็ตามแต่คำเบิกความของพยานปากนี้เป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว พยานเป็นเจ้าของยานพาหนะที่ใช้เพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิดและการพาทรัพย์นั้นไป หากผู้กระทำความผิดต้องรับโทษแล้วต้องริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดด้วยแสดงว่าพยานเป็นผู้รับโทษหนักที่สุด จึงไม่มีเหตุอันใด ที่พยานจะต้องไปรับสารภาพผิดกับพนักงานฝ่ายบุคคลของบริษัทว่าพยานกับพวกนำทรัพย์ไปขายทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุสงสัยว่าพยานเป็นผู้กระทำความผิด คำเบิกความของพยานปากนี้จึงมีเหตุสงสัย มีพิรุธ มีน้ำหนักน้อย แม้โจทก์จะมีพันตรี ธ.มาเบิกความว่าว. คุยให้ฟังว่าจำเลยได้ทำเอกสารบันทึกข้อความดังกล่าวให้ไว้ด้วยก็ตาม แต่พยานปากนี้ไม่เห็นเหตุการณ์ขณะจำเลยทำข้อความ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าและ ว. ก็ไม่ได้มาเบิกความยืนยันว่าจำเลยได้ทำต่อหน้าจริง เอกสารดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้พยานโจทก์จึงมีแต่เพียงคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดเพียงปากเดียว ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ทั้งจำเลย ให้การปฏิเสธตลอดมา จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 336 ทวิ และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน73,700 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัท วี.โฮ.คอร์ปอเรชั่น จำกัดผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7)(11) วรรคหนึ่ง (ที่ถูกคือ 335(7)(11) วรรคสาม), 83ประกอบมาตรา 336 ทวิ จำคุก 7 ปี 6 เดือน คำรับชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 7 เดือน 15 วันและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 73,700 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีนายศึกษา ปีสาลี เพียงปากเดียว เป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า พยานกับจำเลยทำงานที่บริษัทโจทก์ร่วม พยานเป็นช่างบริการ มีหน้าที่ไปติดตั้งเครื่องอัดเม็ดพลาสติกและซ่อมแซมจำเลยทำหน้าที่เกี่ยวกับการติดตั้งใบมีดเครื่องบดเม็ดพลาสติกและช่างติดตั้งหม้ออบพลาสติก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2538พยานคุยกับจำเลยและนายทองหล่อซึ่งทำหน้าที่แผนกสโตร์ของโจทก์ร่วม โดยนายทองหล่อบอกว่ามีหม้ออบพลาสติกขนาด25 กิโลกรัม เกินสต๊อกมา 1 เครื่อง จำเลยและนายทองหล่อตกลงว่าจะนำเครื่องอบพลาสติกดังกล่าวไปขาย แล้วพยานกับจำเลยและนายทองหล่อช่วยกันยกหม้อพลาสติกดังกล่าวใส่รถยนต์ของพยานและนำไปเก็บที่บ้านพยาน หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือนจึงนำหม้ออบพลาสติกไปขายได้เงินมา 12,000 บาท นำเงินมาแบ่งกันระหว่างพยาน จำเลยและนายทองหล่อ เห็นว่า พยานปากนี้เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแม้ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำพยานปากนี้ก็ตาม แต่คำเบิกความของพยานปากนี้เป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิด ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังแต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว พยานเป็นเจ้าของยานพาหนะที่ใช้เพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิดและการพาทรัพย์นั้นไปหากผู้กระทำความผิดต้องรับโทษแล้วต้องริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดด้วย แสดงว่าพยานเป็นผู้รับโทษหนักที่สุดจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่พยานจะต้องไปสารภาพผิดกับพนักงานฝ่ายบุคคลของบริษัทว่าพยานกับพวกอีก 2 คน นำทรัพย์ไปขายทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุสงสัยว่าพยานเป็นผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด คำเบิกความของพยานปากนี้จึงมีเหตุน่าสงสัย มีพิรุธ มีน้ำหนักน้อย ส่วนพันตรีธงชัย คล้ายสุบรรณ์ เบิกความว่า นายวิชัย ห่อพิทักษ์กุล มาคุยให้ฟังว่าจำเลยทำเอกสารไว้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2539 ตามเอกสารหมาย จ.9เห็นว่า พยานปากนี้ไม่เห็นเหตุการณ์ขณะจำเลยทำข้อความในเอกสารหมาย จ.9 เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าและนายวิชัยก็ไม่ได้มาเบิกความยืนยันว่า จำเลยได้ทำต่อหน้าจริงเอกสารดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้ ดังนั้น พยานโจทก์จึงมีแต่เพียงคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดเพียงปากเดียวไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนลำพังแต่เพียงคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดเพียงอย่างเดียว และจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมา จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share