คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2474

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผัวเมีย
บทที่ 57 – 108
เหตุหย่า คำว่าโจรหมายความเพียงไร ผัวไปฉุดคร่าเขาถูกจำคุก 2 ปี เรียกว่าเป็นโจรลักษณะลักพาบทที่ 1
ฟ้องอย่า เมื่อมีเหตุอย่าขึ้นใหม่ก็ฟ้องได้อีกเสมอหรือยื่นคำร้องเพิ่มเติมก็ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอย่าโดยอ้างว่า จำเลยเลี้ยงดู โจทก์ไม่เป็นธรรม และกล่างคำหยาบช้าต่อบิดามารดาโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยเป็นโจรบังอาจฉุดคร่านางสาวเกงเื่อการอนาจาร ศาลตัดสินจำคุกจำเลย ๒ ปี
ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินไม่ให้โจทก์อย่า เพราะโจทก์สืบไม่สมว่าจำเลยเลี้ยงโจทก์ไม่เป็นธรรมแลด่าบิดาโจทก์และการที่จำเลยทำผิดอาชญาครั้งนี้ไม่เข้าลักษณะโจรตามลักษณะผัวเมียบทที่ ๕๗
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลล่างในข้อเท็จจริงว่าโจทก์สืบไม่สมตามข้ออ้าง ส่วนเรื่องโจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมเหตุอย่า และจำเลยคัดค้านว่าไม่ควรรับนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีฟ้องอย่าเมื่อปรากฎเหตุอย่าเมื่อใด โจทก์ก็ฟ้องได้เสมอ คดีนี้ศาลยังพิจารณาไม่เสร็จสำนวน จึงเป็นการสมควรทที่จะรับคำร้องไว้วินิจฉัยเหตุอย่าต่อไป ตามกฎหมายผัวเมียบทที่ ๕๗ ว่า “ชายใดไปเลี้ยงลูกสาวท่าน . . . . แลมันเป็นโจรผู้ร้าย . . . .ท่านว่ามันทุจจริต. . .ให้ขับไล่มันเสีย” แลตามบทที่ ๑๐๘ ว่า “ชายใดมาสู่ขอหลานสาวท่าน. . .ชายนั้นคบหาโจรผู้ร้ายท่านว่ามันเป็นคนพาล อย่าให้อยู่ด้วยลูกสาว. . .” ตามลักษณลักพาบทที่ ๑ ว่าผู้ใดลัก. .ลูกเมียท่านพาหนี. . .ท่านว่าผู้นั้นเป็นโจร แลคำว่าโจรหมายความเพียงไร ไม่มีกฎหมายบอกไว้ชัด ศาลฎีกาเห็นว่าโจรในที่นี้ไม่หมายถึงผู้ทำผิดโจรกรรมอันเกี่ยวกับทรัพย์อย่างเดียว เพราะตัวบทใช้คำโจรผู้ร้าย แลคำว่ามันเป็นคนพาลหรือทุจริตหยาบช้า เรื่องนี้จำเลยมีเมียแล้วกลับประพฤติตนเป็นคนอันธพาลทำให้เมียเสียชื่อเสียง ถ้าขืนให้อยู่กินต่อไปก็จะทำให้โจทก์อับอายไม่ทัดเทียมสามีภรรยาคู่อื่น ๆ ตามธรรมดา จึงให้โจทก์จำเลยอย่าขาดกัน

Share