แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอขยายเวลาการนำเงิน ค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลา แต่จำเลยไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด และได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาเข้ามาอีกซึ่งเป็นวันพ้นกำหนดยื่นอุทธรณ์และวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์แล้วโดยไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอขยายเวลาและไม่รับอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยไปศาลอุทธรณ์และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลยคำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236จำเลยฎีกาไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านพิพาทของโจทก์และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากบ้านพิพาทจำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ และคำร้องขอขยายเวลานำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลออกไป 9 วันนับแต่วันยื่นคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาถึงวันที่7 กุมภาพันธ์ 2532 ต่อมา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลอนุญาตขยายไว้ให้ จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคืนค่าขึ้นศาลให้จำเลย ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องว่าเหตุที่มิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ภายในวันที่ 7 ดังกล่าวตามที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลาเพราะทนายจำเลยไม่สามารถติดต่อแจ้งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวมาวางศาลได้ เนื่องจากตรงกับวันหยุดเทศกาลตรุษจีนและค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์มีจำนวนมากถึง1,000 บาทเศษ ขอให้ศาลชั้นต้นขยายเวลาการวางเงินดังกล่าวออกไปอีกอย่างน้อย 15 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องดังกล่าวว่า จำเลยยื่นคำร้องนี้เมื่อระยะเวลาที่ศาลอนุญาตขยายไว้ให้สิ้นสุดแล้วทั้งไม่มีพฤติการณ์พิเศษใด ๆ และคดีนี้ก็มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไปแล้ว จึงไม่จำเลยต้องสั่งคำร้องนี้อีก ยกคำร้อง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2532 ในตอนเย็นของวันที่ 7 ดังกล่าวจึงมีเวลาเหลือเพียงวันเดียวจึงไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2532ตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาในครั้งหนึ่งแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมซ้ำอีกเมื่อพ้นอายุอุทธรณ์โดยอ้างว่าทนายจำเลยไม่สามารถติดต่อกับจำเลยเพื่อให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลได้เนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลตามประเพณีทางศาสนาหลายวันนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตขยายเวลาให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2532 และจำเลยทราบคำสั่งศาลในวันเดียวกันเวลา 16.30 นาฬิกา จำเลยจึงไม่สามารถยื่นคำร้องขอขยายเวลาการนำเงินดังกล่าวมาวางศาลได้ทัน จำเลยจึงยื่นคำร้องขอขยายเวลานำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลในวันรุ่งขึ้นได้นั้น เห็นว่าการยื่นอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์จะต้องยื่นภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นและผู้อุทธรณ์จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 คดีนี้ ปรากฏว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายเวลาการนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลานำเงินดังกล่าวมาวางศาลในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2532 แต่จำเลยไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดเวลาและได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาเข้ามาอีกในวันรุ่งขึ้นเป็นวันพ้นกำหนดยื่นอุทธรณ์และวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์แล้ว โดยไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอขยายเวลาและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คำสั่งศาลชั้นต้นนี้เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งยื่นพร้อมกับคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมครั้งแรกนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236จำเลยฎีกาไม่ได้”
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย