แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งไม่ได้ระบุเวลาใช้เงินไว้ผู้ออกตั๋วจะต้องรับผิดตามตั๋วนั้น ไม่จำต้องมีการรับรองหรือทำคำคัดค้านเสียก่อน ก็มีสิทธิฟ้องบังคับตามตั๋วนั้นได้
กู้เงินกัน ผู้กู้ทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ไว้ ผู้ให้กู้จะฟ้องเรียกเงินกู้โดยอาศัยตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นพยานหลักฐานเป็นหนังสือก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินไป ๒,๐๐๐ บาท และทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาผ่อนชำระ ๒๐๐ บาท คงเหลือ ๑,๘๐๐ บาท ยังไม่ชำระ ขอให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่าชำระเงินแล้ว ตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ฟ้องจำเลยบอกปัดแล้ว โจทก์ไม่ทำคำคัดค้าน สิทธิฟ้องของโจทก์ก็ย่อมหมดไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยได้ทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์จริง ส่วนข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ได้ทำคำคัดค้านตาม ป.พ.พ.ม.๙๒๘,๙๘๖ จึงไม่มีสิทธิฟ้องนั้น นอกจากจะเป็นดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามธรรมดาโดยมีหลักฐานตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว แม้จะถือว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตั๋วเงินดังที่จำเลยฎีกามาก็ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ไม่ได้ระบุเวลาใช้เงินไว้ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบ ตาม มาตรา ๙๘๖ วรรคต้นไม่จำต้องมีการยื่นเพื่อรับรองตาม ม.๙๘๕ กรณีไม่ต้องด้วย ม.๙๘๖ วรรคสอง จึงไม่ต้องมีการรับรองหรือทำคำคัดค้าน
ศาลฎีกาพิพากษายืน