คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2040/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลังจากจำเลยนำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์แล้ว จำเลยไม่ไปขายของและไม่นำดอกเบี้ยไปจ่ายให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าจำเลยหลบหนีและฉ้อโกง โจทก์จึงนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน แสดงว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดมาตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดอันยอมความกันได้ โจทก์มิได้ร้องทุกข์แต่มาฟ้องคดีเกิน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยมิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ว่า การนำเช็คไปแลกเงินสดจากโจทก์ จำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์เป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน หลังจากจำเลยนำเช็คเอกสารหมาย จ.1ไปแลกเงินสดโจทก์แล้ว ในเดือนเมษายน 2531 จำเลยไม่ไปขายของที่ปากคลองตลาดและไม่นำดอกเบี้ยไปจ่ายให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าจำเลยหลบหนีและฉ้อโกงโจทก์ วันที่ 6 มิถุนายน 2531 โจทก์จึงนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่เหมือนตัวอย่างที่ให้ไว้ และมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายตามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.2 โจทก์ติดตามหาจำเลยและนายเริ่ม แถวเที่ยง ผู้สั่งจ่ายก็ไม่พบ แสดงว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดมาตั้งแต่วันที่ 6มิถุนายน 2531 ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นแล้วเมื่อความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์มิได้ร้องทุกข์ แต่มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2532 เกินสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 สิทธิดำเนินคดีอาญาของโจทก์จึงระงับลงโจทก์ไม่มีอำนาจมาฟ้องคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share