แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเก็บขวดใส่ทองรูปพรรณของผู้เสียหายซึ่งทำตกหายที่หน้าบันไดกุฏิวัดไปโดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นของใครและไม่ทราบว่า เจ้าของยังติดตามหาอยู่หรือไม่ จำเลยเอาเป็นประโยชน์ของตนเสียโดยเจตนาทุจริต ต้องมีความผิดฐานเก็บทรัพย์ที่หายแล้วเบียดบังเอาเป็นของคนอันเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรค 2
(อ้างฎีกาที่ 448/2488)
เมื่อฟ้องบรรยายข้อความตามที่กล่าวข้างต้น โดยเฉพาะโจทก์ได้กล่าวข้างต้น โดยเฉพาะโจทก์ได้กล่าวไว้ในฟ้องด้วยว่าจำเลยได้เก็บเอาทองรูปพรรณซึ่งเป็นของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต แม้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษฐานยักยอกของตกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ก็ดี หากการกระทำของจำเลยฟังได้ว่า เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ยังลงโทษจำเลยตามฟ้องได้เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องอยู่แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางเช้าได้ทำเครื่องทองรูปพรรณของตนและของนายแจ้งซึ่งใส่ขวดไว้ด้วยกันตกหายในบริเวณวัดต้นไทรตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยเก็บขวดทองรูปพรรณที่นางเช้าทำตกหายได้ จำเลยไม่คืนเจ้าของและไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติจำเลยเบียดบังเอาทองรูปพรรณที่เก็บได้นี้เป็นของจำเลยโดยเจตนาทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ วรรค ๒ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ วรรค ๒ ให้จำคุก ๖ เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๑,๒๗๐ บาท ให้แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นรับฟัง แต่เห็นว่า ผู้เสียหายรู้สึกว่า ขอตกหายภายหลังที่จำเลยเก็บของได้ในทันทีทันใดนั้นเอง ไปขอคืน จำเลยไม่ยอมคืนให้ ของผู้เสียหายที่จำเลยเก็บได้นั้น ยังถือได้ว่า อยู่ในความยึดถือ ครอบครองของผู้เสียหาย ไม่ใช่ทรัพย์สินหายตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ วรรค ๒ ถ้าจำเลยจะมีความผิด ก็ควรมีความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งโจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง จึงเป็นข้อเท็จจริงซึ่งปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องอันเป็นข้อสาระสำคัญ ต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ ที่แก้ไขแล้ว พิพากษาแล้วศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเก็บขวดใส่ทองรูปพรรณของผู้เสียหายซึ่งทำตกหายที่หน้าบันไดกุฏิวัดไปจริงตามฟ้อง ส่วนจำเลยจะมีความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยเก็บขวดใส่ทองรูปพรรณได้ จำเลยไม่ทราบว่าเป็นของใครและไม่ทราบเจ้าของยังติดตามหาอยู่หรือไม่ จำเลยเอาเป็นประโยชน์ของตนเสีย ดังนี้ต้องมีความผิดฐานเก็บทรัพย์ที่หายแล้วเบียดบังเอาเป็นของตนอันเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ วรรค ๒ ตามนัยฎีกาที่ ๔๔๘/๒๔๘๘ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยควรมีความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่ง โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องจึงลงโทษไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่า จำเลยได้เก็บเอาทองรูปพรรณซึ่งเป็นของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต แม้ว่าโจทก์จะขอให้ลงโทษฐานยักยอกของตน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ก็ดี หากการกระทำของจำเลยฟังได้ว่า เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ยังลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องอยู่แล้ว
ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น