แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 มีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 170 การที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย จึงมิชอบตามบทกฎหมายดังกล่าว เว้นแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง เมื่อข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ทุกข้อเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานในคดี จึงเป็นการยกปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นทบทวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ แม้โจทก์ทั้งหกจะมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ข้อหาตาม ป.อ. มาตรา 184 โจทก์ทั้งหกบรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรื้อถอนบ้านและมิเตอร์ไฟฟ้าออกไป อันเป็นการร่วมกันทำลายวัตถุพยานหลักฐานในการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ จนทำให้การพิสูจน์หลักฐานไม่สามารถระบุถึงสาเหตุเพลิงไหม้ที่แน่ชัด โดยมิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันกระทำการดังกล่าวเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง จึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ไม่ครบองค์ประกอบของความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว คำฟ้องโจทก์ทั้งหกในข้อหานี้จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
ย่อยาว
โจทก์ทั้งหกฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218, 220, 225, 184, 59, 83, 91 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 23, 26, 57, 65 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหาย 5,115,020 บาท กับค่าเช่าบ้านเดือนละ 20,000 บาท นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2555 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ยกฟ้องโจทก์ทั้งหกสำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหกในส่วนคดีอาญาสำหรับจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นยุติในชั้นนี้มีว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 474 เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ของจำเลยทั้งสองแล้วลุกลามไหม้บ้านเลขที่ 476 ของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ที่โจทก์ทั้งหกใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นเหตุให้บ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยของโจทก์ทั้งหกได้รับความเสียหาย สำหรับจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งหกไม่ฎีกา คดีของโจทก์ทั้งหกในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงยุติไป คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งหกว่า คดีของโจทก์ทั้งหกในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 มีมูลหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 มีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วกลับพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย จึงมิชอบตามบทกฎหมายดังกล่าว เว้นแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง เมื่อข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ทุกข้อเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานในคดี จึงเป็นการยกปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นทบทวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ แม้โจทก์ทั้งหกจะมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 อย่างไรก็ตาม การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เป็นความเสียหายต่อรัฐ รัฐเท่านั้นมีหน้าที่ควบคุมให้มีการปฏิบัติไปตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดต่อรัฐ ไม่ใช่ความผิดต่อเอกชนโจทก์ทั้งหกจึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานนี้ จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 (2) ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 โจทก์ทั้งหกบรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรื้อถอนบ้านและมิเตอร์ไฟฟ้าออกไป อันเป็นการร่วมกันทำลายวัตถุพยานหลักฐานในการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ จนทำให้การพิสูจน์หลักฐานไม่สามารถระบุถึงสาเหตุเพลิงไหม้ที่แน่ชัด โดยมิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันกระทำการดังกล่าวเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง จึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ไม่ครบองค์ประกอบของความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว คำฟ้องโจทก์ทั้งหกในข้อหานี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ไว้ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ยกเว้นข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 และข้อหาตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลอุทธรณ์