แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำพิพากษาบังคับการที่ศาลพิพากษาให้จำเลยไปจัดการขอโอนประทานบัตร์ให้โจทก์นั้นไม่เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติเหมืองแร่ ป.พ.พ.ม.118-194-213-237 ในกรณีที่ลูกหนี้ โอนทรัพย์ให้แก่คนที่ 3 ซึ่งเจ้าหนี้ขอเพิกถอนได้นั้นเจ้าหนี้จะขอให้บังคับคนที่ 3 โอนทรัพย์นั้นให้ตนโดยตรงพร้อมกับฟ้องขอเพิกถอนการถอนได้หรือไม่ หมายเหตุ คำพิพากษาห้ามวินิจฉัยถึงปัญหานี้ วินิจฉัยฉะเพาะข้อฎีกาเท่านั้น
ย่อยาว
เดิมโจทก์ฟ้อง ต.ให้โอนประทานบัตร์ กับการทำเหมืองแร่ในที่อีกแห่ง ๑ ซึ่งเวลานั้นยังไม่ได้รับประทานบัตร์ศาลพิพากษาให้โอนประทานบัตร์ ส่วนที่ยังไม่ได้รับประทานบัตร์ไม่บังคับให้ ต่อมาประทานบัตร์ในที่แปลงหลังตกมาในนาม ของ ต.ตกมาได้ ๒-๓ วัน ต.ก็โอนประทานบัตร์ให้จำเลยในคดีนี้โดยสมยอมกัน ฝ่ายโจทก์ได้ฟ้องขอให้ ต.โอนแลศาลบังคับให้ ต.โอนประทานบัตร์รายพิพาทนี้ให้โจทก์จำเลยมาแถลงต่อศาลว่าต. โอนให้จำเลยแล้วโจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนแลให้จำเลยโอนประทานบัตร์ให้โจทก์
ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า ต.กับจำเลยโอนประทานบัตร์กันโดยสมยอม จึงพิพากษาให้จำเลยจัดากรขอโอนประทานบัตร์ให้โจทก์ใน ๑๐ วัน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลล่างบังคับนั้นไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.เหมืองแร่ ดังข้อฎีกาของจำเลย อนึ่งคำพิพากษาก็บังคับฉะเพาะจำเลย ส่วนการที่รัฐบาลจะอนุญาตให้โจทก์รับโอนหรือไม่ ไม่เกี่ยวแก่จำเลย จึงให้ยกฎีกาจำเลย