แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษอย่างปืนดี เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเป็นปืนชำรุด ใช้ยิงไม่ได้ ดังนี้ได้ชื่อว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีปืนชำรุด จึงต้องยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีลำกล้องปืน ปลอกลำกล้อง ปืน ไก และรางปืน อย่างละ ๑ อันไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ ๒๔๗๗ มาตรา ๑๑. ๕๒ กับขอให้ริบของกลาง
จำเลยรับว่า มีสิ่งของตามฟ้อง แต่ชำรุดใช้ยิงไม่ได้
ศาลชั้นต้นเรียกของกลางมาดู แล้วเห็นว่า ปืนของกลางเป็นปืนชำรุดใช้ยิงไม่ได้ จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๑๐, ๕๗ แต่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษอย่างปืนดี ข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความจึงต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฏหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.๒๔๗๗ ม.๑๐ กับ ม.๑๑ นั้นต่างกัน ม.๑๐ เป็นบทบังคับเรื่องปืนชำรุดจนใช้ต่อไปไม่ได้ มาตรา ๑๑ เป็นเรื่องปืนดี ส่วนที่โจทก์คัดค้านว่า แม้อ้างบทมาตราผิด ศาลก็ลงโทษตามบทที่ถูกต้อง คือมาตรา ๕๗ ได้นั้น เห็นว่าปืนของกลางอยู่ในมือโจทก์มาก่อน แทนที่โจทก์จะกล่าวในฟ้องตามสภาพที่เป็นจริงว่า เป็นปืนชำรุดซึ่งพอเป็นช่องทางให้ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา ๕๗ ได้ แต่โจทก์บรรยายฟ้อง และขอให้ลงโทษจำเลยอย่างปืนดี จึงได้ชื่อว่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยมีปืนชำรุด จึงพิพากษายืน