แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย)การขายทอดตลาดดังกล่าวจึงเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ การยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด จึงเป็นการร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องกระทำภายใน14 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 ไม่ใช่ 8 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 153
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม2532 เจ้าพนักงานบังคับคดีในฐานะตัวแทนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยรวม 3 แปลงตามโฉนดเลขที่ 16681, 16692 และ 16695 แขวงสัมพันธวงศ์(จักรวรรดิ์) เขตสัมพันธวงศ์ (สามเพ็ง) กรุงเทพมหานคร โดยปลอดจำนองแก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคาต่ำมากและควรแยกขายที่ดินโฉนดเลขที่ 16681 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไปก่อน หากได้เงินจากการขายไม่พอชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว จึงให้รวมขายที่ดินอีก 2 แปลง ก็จะได้ราคาสูงขึ้นและได้เงินเพียงพอชำระหนี้ทั้งหมด ขอให้สั่งยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลย ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยทั้งสามแปลงใหม่โดยวิธีแยกขายเป็นสองครั้ง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดที่ดินจำเลยของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไปโดยชอบ การที่จำเลยคัดค้านการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าราคาต่ำก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการคัดค้านว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการบังคับคดีผิดระเบียบหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งคำร้องของจำเลยได้ยื่นเกินกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า คำร้องของจำเลยยื่นเมื่อล่วงพ้นเวลาตามกฎหมายแล้ว การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการโดยชอบ ขอให้ยกคำร้องและมีคำสั่งให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสามแปลงแก่ผู้ซื้อทรัพย์ต่อไป
ศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงจากจำเลย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ซื้อทรัพย์แล้ว มีคำสั่งให้งดการไต่สวน แล้ววินิจฉัยว่าคำร้องของจำเลยยื่นเกินกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 153 การขายที่ดินรวมหรือแบ่งขายเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่า การขายทอดตลาดเป็นไปโดยไม่สุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย จึงให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาแรกที่ว่า จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่นั้นเห็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวมตลอดถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6 นั้น มีอำนาจหน้าที่ในคดีล้มละลายนับแต่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เป็นต้นไปจนกว่าจะเสร็จคดี และตามพระราชบัญญัติ ฉบับเดียวกันนี้ มาตรา 146 บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลล้มละลาย เจ้าหนี้หรือ บุคคลใดได้รับความเสียหาย โดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ บุคคลนั้นอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น ศาลมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับหรือแก้ไขหรือสั่งประการใดที่เห็นสมควร” ดังนั้น หากการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปกระทบถึงสิทธิของบุคคลใดแล้วก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลนั้น พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 บัญญัติให้สิทธิบุคคลดังกล่าวที่จะร้องต่อศาล เพื่อคัดค้านคำสั่งหรือการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ แต่ว่าบุคคลดังกล่าวจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในสิบสี่วัน นับแต่วันได้ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้บัญญัติให้บุคคลล้มละลายเจ้าหนี้ หรือบุคคลใดได้รับความเสียหายโดยการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง เกี่ยวกับเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มาใช้บังคับโดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ได้ กรณีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดวันที่ 27 ธันวาคม 2532 ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้น วันที่ 10 มกราคม 2533 จึงอยู่ภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 146 ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ต้องยื่นคำร้องคัดค้านภายในกำหนดแปดวัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 153 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ววินิจฉัยต่อไปว่า การขายทอดตลาดกระทำไปโดยชอบด้วยเหตุผลและเพื่อประโยชน์ของจำเลยและเจ้าหนี้ทั้งหลายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด
พิพากษายืน