คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้งและเลือกแทงบริเวณกลางหลังอันเป็นอวัยวะสำคัญ บาดแผลด้านหลังขวาที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เป็นแผลฉกรรจ์บริเวณช่องซี่โครงที่ 8 กว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 1.5 เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอดและลึกเข้าไปในเนื้อปอด 3 เซนติเมตร มีเลือดตกในช่องปอด 1,500 ซีซี ผู้ตายถึงแก่ความตายหลังจากนำส่งโรงพยาบาลได้ 30 นาที เพราะมีเลือดตกในช่องปอดขวาจำนวนมากและปอดรั่ว แสดงว่าจำเลยแทงอย่างแรงจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๕๙
จำเลยให้การรับว่าใช้มีดแทงผู้ตายจริง แต่กระทำไปเพราะบันดาลโทสะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุก ๑๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยไม่โต้เถียงกันฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ นางจำเนียร ทองต้ง พยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องจำเลยให้ผู้ตายไปนวดข้าวแต่ผู้ตายไม่ไป ต่อมาขณะพยานกำลังนั่งทอดขนมขายอยู่นั้นได้หันไปเห็นผู้ตายกลิ้งอยู่ที่หน้าบ้านห่างประมาณ ๔๐ เมตร พยานไม่เห็นชายชู้และเพิ่งทราบเรื่องชายชู้หลังเกิดเหตุ พยานโจทก์ปากนี้เป็นน้องสาวของของจำเลย เชื่อว่าได้เบิกความไปตามความจริงที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยมีเรื่องทะเลาะโต้เถียงเกี่ยวกับผู้ตายเรื่องชายชู้จึงไม่มีเหตุน่าเชื่อ แม้จำเลยจะนำนายวันชัย ช่วยดำ บุตรของมาเบิกความเป็นพยานจำเลยว่า ขณะเกิดเหตุนายวันชัยอยู่ที่บ้านนางคล้ายได้ยินจำเลยกับผู้ตายโต้เถียงกันเรื่องชายชู้ และเห็นผู้ตายใช้ไม้ตีจำเลยก่อน แต่คำเบิกความของพยานจำเลยปากนี้ขัดกับคำเบิกความของนางจำเนียรพยานโจทก์ซึ่งเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ที่บ้านนางคล้ายก็ไม่มีใครอยู่ และนางคล้ายไปอยู่ที่บ้านของน้อง หากนายวันชัยเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์จริงก็น่าจะได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นพยานไว้บ้าง ทั้งอ้างว่าเป็นผู้ร่วมนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล ก็ไม่ปรากฏจากคำเบิกความของนางจำเนียรและนายทวน สินไชย พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้นำผู้ตายส่งโรงพยาบาลเลยว่านายวันชัยได้เป็นผู้นำส่งด้วย ที่จำเลยนำสืบว่าผู้ตายใช้ไม้ตีจำเลยก่อน นางจำเนียรเบิกความว่าหลังเกิดเหตุแล้วไม่เห็นไม้ที่ผู้ตายใช้ตีจำเลยในบริเวณที่เกิดเหตุ ตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.๖ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ไปตรวจและบันทึกสถานที่เกิดเหตุและไม่พบรอยเลือดหรือสิ่งของใด ๆ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่จำเลยนำสืบว่า ผู้ตายใช้ไม้ตีจำเลยก่อนจึงรับฟังไม่ได้และฟังได้ว่า จำเลยทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตายเรื่องผู้ตายไม่ยอมไปนวดข้าวตามที่จำเลยสั่ง จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายพิเคราะห์บาดแผลของผู้ตายตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องปรากฏว่า ผู้ตายถูกแทง ๓ แผล บาดแผลที่ต้นแขนซ้ายยาว ๒เซนติเมตร กว้าง ๑ เซนติเมตร ลึก ๒ เซนติเมตร บาดแผลที่ด้านหลังซ้ายบนยาว ๒ เซนติเมตร กว้าง ๑ เซนติเมตร ลึก ๑ เซนติเมตรและบาดแผลที่ด้านหลังขวาบริเวณช่องซี่โครงที่ ๘ กว้าง ๐.๕ เซนติเมตร ยาว ๑.๕ เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอดและลึกเข้าไปในเนื้อปอดประมาณ ๓ เซนติเมตร มีเลือดตกในช่องปอดประมาณ ๑,๕๐๐ ซีซี ผู้ตายถึงแก่ความตายหลังจากนำส่งโรงพยาบาลได้ ๓๐ นาที เพราะมีเลือดในช่องปอดขวาจำนวนมากและปอดรั่ว ที่จำเลยแทงผู้ตายหลายครั้งและเลือกแทงบริเวณกลางหลังอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญบาดแผลที่ด้านหลังขวาที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นแผลฉกรรจ์แสดงว่าจำเลยแทงอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย และไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น.

Share