คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเพื่อนำมาจัดสรรขาย มีผู้จองซื้อที่ดินจากผู้คัดค้านจำนวน 96 ราย รวมทั้งลูกหนี้ด้วยผู้คัดค้านให้ผู้จองซื้อที่ดินทำสัญญาเช่าซื้อไว้ และก่อนทำการแบ่งแยกเป็นโฉนดแปลงย่อย ผู้คัดค้านใส่ชื่อผู้จองซื้อที่ดินทั้งหมดลงในโฉนดที่ดินเป็นการซื้อร่วมกับผู้คัดค้าน และเมื่อเจ้าพนักงานออกโฉนดที่ดินแปลงย่อยแล้วมีชื่อผู้จองซื้อที่ดินเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่ละแปลงซึ่งเป็นการให้ผู้จองซื้อที่ดินถือกรรมสิทธิ์แทนผู้คัดค้านเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีอีกชั้นหนึ่ง ทั้งเป็นการอำพรางว่าผู้คัดค้านมิได้จัดสรรที่ดิน ผู้คัดค้านให้ผู้จองซื้อที่ดินลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจไว้ใช้ดำเนินการโอนที่ดินเป็นของผู้คัดค้านในกรณีที่ผู้จองซื้อที่ดินผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ และผู้คัดค้านเป็นผู้ถือโฉนดที่ดินไว้แสดงว่าผู้คัดค้านและผู้จองซื้อที่ดินมีเจตนาให้ผูกพันต่อกันอย่างสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่สัญญาซื้อขายโดยวิธีผ่อนส่งราคา เมื่อลูกหนี้ค้างชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวดติดต่อกันผู้คัดค้านทวงถามแล้วลูกหนี้ไม่ชำระ ผู้คัดค้านกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจที่ลูกหนี้ลงชื่อไว้ล่วงหน้าไปดำเนินการโอนที่ดินใส่ชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิที่ดิน กรณีจึงไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้โอนชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้าน หากแต่เป็นการโอนให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงจึงไม่ใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นอันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องขอเพิกถอนการโอนตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2529 โจทก์ฟ้องลูกหนี้ขอให้ล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2529 และวันที่ 29 ธันวาคม 2529 พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ตามทางสอบสวน ของผู้ร้องปรากฏว่าลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากผู้คัดค้านโดยวิธีผ่อนชำระเป็นรายเดือนและได้รับโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากนางสาวสุภาพรธรรมคุ้มทรัพย์ ซึ่งทำสัญญาเช่าซื้อกับผู้คัดค้านในลักษณะเดียวกับสัญญาเช่าซื้อที่ลูกหนี้ทำไว้ รวมเป็นที่ดิน 9 แปลง ผู้คัดค้านยอมให้ใส่ชื่อลูกหนี้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 9 แปลง โดยผู้คัดค้านยึดโฉนดที่ดินไว้ จะส่งมอบให้ลูกหนี้เมื่อผ่อนชำระค่าที่ดินครบถ้วนแล้ว และให้ลูกหนี้ลงลายมือชื่อลอยไว้ในใบมอบอำนาจให้ผู้คัดค้านยึดถือไว้ เพื่อให้ผู้คัดค้านกรอกข้อความดำเนินการโอนกลับคืนเมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ผ่อนชำระค่างวด ซึ่งคู่สัญญาประสงค์จะผูกพันกันในนิติกรรมซื้อขายผ่อนส่งลูกหนี้จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 9 แปลงดังกล่าวต่อมาลูกหนี้ผิดนัด เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2529ผู้คัดค้านได้ดำเนินการโอนที่ดินทั้ง 9 แปลง กลับคืนเป็นชื่อผู้คัดค้านอันเป็นการที่ลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำการใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนภายในระยะเวลา 3 เดือน ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น และเป็นการโอนโดยไม่มีค่าตอบแทนกันจริง ขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินทั้ง 9 แปลงดังกล่าวระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากกลับคืนไม่ได้ให้ผู้คัดค้านใช้เงินจำนวน 714,200บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านซื้อที่ดินจากนางสาวยุพา วัชรพิจารณ์ มีผู้ขอให้ผู้คัดค้านจัดสรรที่ดินดังกล่าวแบ่งขายเป็นแปลง ๆ และให้เช่าซื้อแก่บุคคลทั่วไป แต่การจัดสรรที่ดินขายต้องขออนุญาตจากทางราชการ ผู้ประสงค์จะซื้อที่ดินทั้งหมดจึงตกลงกับผู้คัดค้านว่าให้ผู้คัดค้านจัดทำรูปแผนผังที่ดินเป็นแปลง ๆ ให้ผู้เช่าซื้อจองที่ดินตามรูปแผนผัง และทำนิติกรรมอำพรางใส่ชื่อผู้เช่าซื้อไว้ในโฉนดที่ดิน โดยให้ผู้คัดค้านยึดถือโฉนดที่ดินไว้ และให้ผู้เช่าซื้อลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจมอบให้ผู้คัดค้านไว้ หากผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ยอมให้ผู้คัดค้านนำหนังสือมอบอำนาจไปดำเนินการโอนที่ดินกลับคืนเป็นของผู้คัดค้านได้ หากผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วผู้เช่าซื้อจึงจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยผู้คัดค้านจะมอบโฉนดและหนังสือมอบอำนาจคืนแก่ผู้เช่าซื้อ ลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อลักษณะดังกล่าวกับผู้คัดค้าน ต่อมาลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อผู้คัดค้านจึงได้นำหนังสือมอบอำนาจที่ลูกหนี้มอบให้ไว้ไปโอนที่ดินกลับคืนเป็นของผู้คัดค้านโดยไม่ทราบว่าลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายผู้คัดค้านไม่ได้ทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ เนื่องจากผู้คัดค้านได้ชำระราคาที่ดินให้แก่เจ้าของที่ดินเดิมแล้ว กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงเป็นของผู้คัดค้านตั้งแต่เริ่มแรกที่ซื้อมา สัญญาระหว่างผู้คัดค้านกับลูกหนี้เป็นสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่สัญญาซื้อขายผ่อนส่งผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการโอน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่26188, 26184, 26200, 26203, 26126, 26127, 26128, 26162และ 26163 ตำบลบางม่วง(บางม่วงฝั่งใต้) อำเภอบางใหญ่จังหวัดนนทบุรี ระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านให้คู่กรณีกลับสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านใช้ราคาที่ดินแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นเงิน 714,200 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับนางสาวยุพา เพื่อนำมาจัดสรรขาย ซึ่งผู้คัดค้านได้แบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อยให้ผู้จองซื้อทั้งหมด 96 ราย รวมทั้งลูกหนี้และนางสาวสุภาพร จึงแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านประสงค์ซื้อที่ดินทั้งสามโฉนดดังกล่าวเป็นของตนเองเพื่อจัดสรรขายมาแต่แรก เมื่อจองซื้อแล้วลูกหนี้และนางสาวสุภาพรทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินกับผู้คัดค้าน ต่อมาลูกหนี้รับโอนสิทธิการเช่าซื้อจากนางสาวสุภาพรการทำสัญญาเช่าซื้อนั้นทำก่อนที่ผู้คัดค้านจะใส่ชื่อผู้จองซื้อทั้งหมดลงในโฉนดที่ดิน ดังนั้น แม้ผู้คัดค้านใส่ชื่อลูกหนี้และผู้จองซื้อที่ดินทั้งหมดลงในโฉนดเป็นการซื้อร่วมกับผู้คัดค้านก่อนและเมื่อเจ้าพนักงานได้ออกโฉนดที่ดินแปลงย่อยมีชื่อลูกหนี้ และผู้จองซื้อที่ดินทั้งหมดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในแต่ละแปลงแล้วก็ตามพฤติการณ์เช่นนี้น่าเชื่อว่าการใส่ชื่อผู้จองซื้อที่ดินลงในโฉนดเป็นการให้ผู้จองซื้อที่ดินถือกรรมสิทธิ์แทนผู้คัดค้าน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินและภาษีอีกชั้นหนึ่ง ทั้งเป็นการอำพรางว่าผู้คัดค้านไม่ได้จัดสรรที่ดินดังกล่าว และผู้คัดค้านก็ได้ให้ผู้จองซื้อที่ดินลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ผู้คัดค้านยึดถือไว้ เพื่อให้ผู้คัดค้านดำเนินการโอนที่ดินไปเป็นชื่อผู้คัดค้านในกรณีที่ผู้จองซื้อที่ดินผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ และยังตกลงให้ผู้คัดค้านยึดถือโฉนดที่ดินไว้โดยกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่โอนไปยังผู้จองซื้อที่ดินจนกว่าผู้จองซื้อที่ดินจะชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว แสดงว่าผู้คัดค้านและผู้จองซื้อที่ดินมีเจตนาให้ผูกพันต่อกันอย่างสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่สัญญาซื้อขายโดยวิธีผ่อนส่งราคา เมื่อลูกหนี้ค้างชำระค่าเช่าซื้อที่ดิน 2 งวด ติดต่อกัน ผู้คัดค้านได้ทวงถามให้ชำระหนี้ แต่ลูกหนี้ไม่ยอมชำระให้ ผู้คัดค้านจึงกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจที่ลูกหนี้ลงชื่อไว้ล่วงหน้าไปดำเนินการโอนที่ดินใส่ชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่ตกลงกันและในการที่ผู้คัดค้านไปดำเนินการโอนที่ดินใส่ชื่อผู้คัดค้านดังกล่าว ก็ไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้โอนชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านแต่ประการใด หากแต่เป็นการโอนให้เจ้าของกรรมสิทธิ์อันแท้จริง จึงหาใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นอันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องขอเพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 ได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share