แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เคยพิพาทกันเรื่องพินัยกรรมและได้ส่งต้นฉบับพินัยกรรมต่อศาลคู่ความในคดีนั้นได้ขอคืนไปจากศาลแล้วตัวก็มาตาย เป็นอันเรียกมาเป็นพยานในคดีใหม่ไม่ได้ แต่คงมีสำเนาอยู่ในสำนวน แม้ในสำเนาฉบับนั้น จะมิได้มีลายเซ็นชื่อรับรองไว้ก็ดี ทนายความผู้คัดสำเนาพินัยกรรมฉบับนั้น ก็ได้มาเบิกความยืนยันว่าพยานได้คัดถูกต้องตรงกับต้นฉบับแล้วดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าสำเนาพินัยกรรมนั้นเป็นสำเนาอันถูกต้อง ตรงกับต้นฉบับแล้ว
ย่อยาว
นางจีบ ในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของนายสมทบ ด.ช.เฉลิม ด.ช.มณฑา และ ด.ญ.แดง เป็นโจทก์ฟ้องว่าเด็กดังกล่าวเป็นบุตรนายเฟื่อง นางเมี้ยน จำเลยเป็นบุตร นายเฟื่อง นางแม้น นายเฟื่องวายชนม์เมื่อ พ.ศ. 2485 มีทรัพย์มรดกรวมราคา 12,000 บาท จึงขอแบ่งทรัพย์มรดกเป็น 5 ส่วน ให้โจทก์คนละส่วน รวม 4 ส่วนเป็นเงิน 9,600 บาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าทรัพย์อันดับ 1 เป็นเรือนหอของนายเฟื่อง ครั้งแต่งงานกับนางแม้นมารดาจำเลย เมื่อมารดาจำเลยตายนายเฟื่องได้ยกเรือนให้จำเลยแล้ว ส่วนทรัพย์อันดับ 2, 3 เป็นโฉนดที่ดิน มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของอยู่ครึ่งหนึ่ง เป็นมรดกนายเฟื่องครึ่งหนึ่ง นายเฟื่องได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์รายนี้ให้แก่จำเลยโดยเด็ดขาดแล้ว นางจีบไม่เคยครอบครองทรัพย์รายนี้แทนโจทก์เลย คดีขาดอายุความแล้ว
ระหว่างพิจารณา นางจีบวายชนม์ นายสวัสดิ์บุตรนางจีบร้องขอเข้าเป็นโจทก์แทน
ศาลชั้นต้นฟังว่า ทรัพย์อันดับ 1 เป็นกองมรดกทั้งหมดทรัพย์อันดับ 2, 3 เป็นของจำเลยกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งเป็นกองมรดก ทรัพย์ที่เป็นมรดกให้แบ่งเป็น 5 ส่วน ได้แก่โจทก์ จำเลยคนละส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำเนาพินัยกรรมที่จำเลยอ้างในคดีนี้ปรากฏว่าต้นฉบับพินัยกรรมซึ่งได้เคยพิพาทกันในคดีแดงที่ 40/2485 นายจูได้ขอคืนไปจากศาลแล้วตัวก็มาตาย เป็นอันเรียกมาเป็นพยานไม่ได้ แต่ได้มีสำเนาอยู่ในสำนวน แม้สำเนาฉบับนั้นจะมิได้มีลายเซ็นชื่อรับรองไว้ก็ดี แต่นายเชยทนายความผู้คัดสำเนาฉบับนั้นมาเบิกความยืนยันว่า พยานได้คัดถูกต้องตรงกับต้นฉบับนั้นแล้ว จึงฟังได้ว่าสำเนาพินัยกรรมถูกต้องตรงกับต้นฉบับ จึงต้องฟังว่าทรัพย์รายพิพาทที่ระบุไว้ในพินัยกรรมยกให้แก่จำเลยแล้ว คดีของโจทก์ต้องตกไปพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง