คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3364/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ร่วมรับผิดฐานละเมิดจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธอ้างว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยร่วม และขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) จำเลยร่วมให้การปฏิเสธและเป็นปรปักษ์ทั้งต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ อ้างว่าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะความผิดของจำเลยร่วมเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยร่วมยังเป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์การที่ศาลชั้นต้นจัดส่งสำเนาให้เฉพาะโจทก์และไม่นัดให้จำเลยร่วมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นเหตุให้จำเลยร่วมพ้นจากคดีไปลอยๆ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ศาลฎีกาต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา243(2),247 ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและบ้านบนที่ดินดังกล่าว จำเลยทั้งสองปลูกสร้างตึกแถวบนที่ดินข้างเคียงด้านทิศตะวันออก การก่อสร้างโดยการตอกเข็มคอนกรีตเป็นเหตุให้บ้านโจทก์เสียหายหลายประการ ทั้งผนังอาคารที่จำเลยทั้งสองปลูกสร้างด้านติดกับบ้านของโจทก์ มีความสูงเกินกว่า 8 เมตร ปิดกั้นทางลมและแสงสว่าง คิดค่าเสียหายเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 100,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยระงับการก่อสร้าง และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำจนกว่าจะแก้ไขหรือป้องกันความเสียหายหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นเพราะการก่อสร้างให้จำเลยรื้อถอนหรือลดความสูงของผนังอาคารด้านติดกับบ้านโจทก์ไม่ให้ปิดกั้นทางลมหรือแสงสว่าง

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า การก่อสร้างไม่เป็นเหตุให้บ้านโจทก์เสียหายผู้ที่ตอกเสาเข็มคอนกรีตคือห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีไทยณรงค์ ค่าเสียหายบางรายการของโจทก์ไกลเกินกว่าเหตุ ค่าเสียหายทั้งสิ้นไม่เกิน 5,000 บาทขอให้ยกฟ้อง

ก่อนสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีไทยณรงค์ เป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยร่วมให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยร่วมตอกเสาเข็มตามคำสั่งของจำเลย หากมีความเสียหายเกิดขึ้นก็เป็นความผิดของจำเลยฝ่ายเดียว และค่าเสียหายก็ไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า บ้านโจทก์ได้รับความเสียหายเพราะความสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็มปลูกสร้างอาคาร ซึ่งจำเลยร่วมรับจ้างตอกเข็มกระทำตามที่จำเลยจ้างให้ทำ จำเลยจึงต้องรับผิดเพียงฝ่ายเดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 ค่าเสียหายทั้งสิ้นเป็นเงิน60,000 บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ 60,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ว่าค่าเสียหายไม่เกิน 20,000 บาทและเป็นความผิดของจำเลยร่วม หรือมิฉะนั้นจำเลยร่วมต้องร่วมรับผิดด้วย

ศาลชั้นต้นจัดส่งสำเนาอุทธรณ์ให้เฉพาะโจทก์ และนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะโจทก์จำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้รับผิดฐานละเมิดโดยปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ฐานรากรุกล้ำเข้าไปในเขตบ้านโจทก์และตอกเข็มคอนกรีตใกล้แนวรั้วทำให้อาคารของโจทก์เสียหาย กับผนังอาคารด้านที่ติดกับบ้านโจทก์สูงเกินกว่า 8 เมตรปิดกั้นทางลมและแสงสว่าง จำเลยที่ 1 ที่ 2ให้การปฏิเสธ อ้างว่าความเสียหายที่เกิดจากการตอกเสาเข็มเป็นความรับผิดชอบของห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีไทยณรงค์ และขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีไทยณรงค์เข้ามาเป็นจำเลยร่วม อันเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(3) ศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยร่วมให้การปฏิเสธว่า จำเลยร่วมตอกเสาเข็มตามคำสั่งของจำเลยผู้ว่าจ้าง จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นคำให้การของจำเลยร่วมจึงเป็นปรปักษ์ทั้งต่อโจทก์และจำเลยทั้งสองเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 เพียงฝ่ายเดียวชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง หรือมิฉะนั้นก็ให้จำเลยร่วมรับผิดด้วย ในชั้นอุทธรณ์คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยร่วมจำเลยร่วมจึงยังเป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นจัดส่งสำเนาอุทธรณ์ให้เฉพาะโจทก์เท่านั้น มิได้จัดส่งให้จำเลยร่วมด้วย เป็นการไม่ปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235 การพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงเป็นการพิจารณาคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยไม่มีจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในคดีชั้นอุทธรณ์ด้วย ทั้ง ๆ ที่จำเลยร่วมยังเป็นคู่ความอยู่ และมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยร่วม นอกจากนั้น ศาลชั้นต้นก็มิได้นัดจำเลยร่วมมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทำให้จำเลยร่วมพ้นจากคดีไปลอย ๆ เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา เมื่อคดีปรากฏเหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาจึงต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(2), 247

พิพากษายก คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีไทยณรงค์ จำเลยร่วม แล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share