แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้กู้เงินของบริษัทโจทก์ไปจริงตามสัญญากู้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระเงินที่กู้ไปให้แก่โจทก์ จำเลยจะโต้แย้งว่าบริษัทโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้พนักงานกู้เงินไปซื้อบ้าน ไม่มีอำนาจฟ้องร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามที่กู้ไปนั้นไม่ได้ แม้สัญญากู้จะมีกรรมการของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นผู้ให้กู้แต่เพียงคนเดียวและไม่ได้ประทับตราสำคัญของบริษัทด้วยก็ตาม แต่หนังสือสัญญากู้ฉบับนี้จำเลยก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ไว้เป็นหลักฐานแล้วโจทก์จึงนำมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ต้นเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัด จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์กู้เงินโจทก์ไป 100,000 บาท แต่ได้หักกลบลบหนี้กับเงินที่โจทก์จะต้องจ่ายตามข้อตกลงในการจ้างจำนวน 35,500 บาท จึงยังคงเหลือต้นเงิน64,500 บาท เมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วจำเลยคงค้างเงินโจทก์อยู่ 74,856.02บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 10.5 ต่อปี ในต้นเงิน 64,500 บาท จากวันฟ้องถึงวันชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ผู้ลงชื่อในฟ้องมิได้เป็นกรรมการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโจทก์ให้กู้ยืมเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของโจทก์ สัญญากู้มีกรรมการของบริษัทโจทก์ลงชื่อคนเดียวไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง หากฟังว่าสัญญากู้มีผลสมบูรณ์ จำเลยก็ชำระหนี้หมดแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินรวม 74,856.02 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10.5 ต่อปีในต้นเงิน 64,500 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อ 2 จำเลยฎีกาว่า การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปซื้อบ้านตามหนังสือสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 เป็นการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ และหนังสือสัญญากู้มีนายจำรัสกรรมการของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นผู้ให้กู้เพียงคนเดียวและไม่ประทับตราสำคัญของบริษัทด้วยจึงไม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายจะนำมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องจำเลยให้ชำระหนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลยอยู่แล้วว่า จำเลยได้กู้เงินของโจทก์ไปจริงตามหนังสือสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระเงินที่กู้ไปให้แก่โจทก์ จำเลยจะโต้แย้งว่า บริษัทโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ให้พนักงานกู้เงินไปซื้อบ้าน ไม่มีอำนาจฟ้องร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามที่กู้ไปนั้นไม่ได้ อนึ่ง แม้หนังสือสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 จะมีนายจำรัสกรรมการของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นผู้ให้กู้แต่เพียงคนเดียว และไม่ได้ประทับตราสำคัญของบริษัทด้วยดังที่จำเลยฎีกาก็ตามแต่หนังสือสัญญากู้ฉบับนี้ จำเลยก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ไว้เป็นหลักฐานแล้ว โจทก์จึงนำมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ต้นเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามสัญญาแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรก
พิพากษายืน