คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้จำนองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกพิพาทที่จำนองให้โจทก์ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ผู้รับจำนองเป็นการชำระหนี้จำนอง เป็นกรณีที่อสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของธนาคารพาณิชย์เนื่องจากการชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 มาตรา 12(5) วรรคสอง (เดิม) ซึ่งกฎหมายมุ่งหมายให้กระทำได้ เพียงแต่อยู่ภายในเงื่อนไขที่ว่าธนาคารพาณิชย์ซึ่งได้รับอสังหาริมทรัพย์มาในกรณีดังกล่าวจะต้องจำหน่ายภายในเก้าปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของธนาคารพาณิชย์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ฉะนั้นการที่โจทก์รับโอนที่ดินและตึกพิพาทจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และไม่เป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกพิพาทมีกำหนดเวลา๑๒ ปี โดยมิได้จดทะเบียน ต่อมาวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๙ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการเจ้าของเดิมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกดังกล่าวให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ จำเลยและบริวารไม่ยอมออกไปจากที่ดินและตึกที่เช่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญา ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้ ขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและตึกพิพาท
จำเลยให้การว่า การที่โจทก์รับโอนที่ดินและตึกพิพาทตามฟ้องเป็นโมฆะ เพราะฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕มาตรา ๑๒ และต่อสู้ในข้ออื่นอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและตึกพิพาท
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์รับโอนที่ดินและตึกพิพาทเป็นโมฆะ เพราะฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๑๒
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกพิพาทจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการมีกำหนดเวลา ๑๒ ปี ต่อมาวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๕ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการจำนองที่ดินและตึกพิพาทไว้แก่โจทก์เป็นประกันการชำระหนี้ และวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๙ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทและตึกพิพาทให้โจทก์เป็นการชำระหนี้จำนอง แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าการที่โจทก์รับโอนที่ดินและตึกพิพาทเป็นโมฆะหรือไม่ พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๑๒ ซึ่งใช้ในขณะที่โจทก์รับโอนที่ดินและตึกพิพาทบัญญัติว่า
“ห้ามมิให้ธนาคารพาณิชย์กระทำการดังต่อไปนี้ ฯลฯ
(๕) ซื้อหรือมีไว้เป็นประจำซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจ หรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์นั้นตามสมควร หรือเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จำนองไว้แก่ธนาคารพาณิชย์นั้นจากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งของศาล
บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นของธนาคารพาณิชย์เนื่องจากการชำระหนี้ การประกันต้นเงินที่จ่ายให้ผู้กู้ยืมไปหรือเนื่องจากการที่ธนาคารพาณิชย์ได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จำนองไว้แก่ธนาคารพาณิชย์นั้นจากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งของศาลจะต้องจำหน่ายภายในเก้าปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของธนาคารพาณิชย์หรือภายในกำหนดระยะเวลากว่านั้นตามที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ทั้งนี้ เว้นแต่รัฐมนตรีจะอนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่สำหรับดำเนินธุรกิจหรือสำหรับพนักงานและลูกจ้างของธนาคารพาณิชย์นั้น ฯลฯ” เห็นว่า การที่พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกพิพาทให้โจทก์เป็นการชำระหนี้จำนอง เป็นกรณีที่อสังหาริมทรัพย์ตกเป็นของธนาคารพาณิชย์เนื่องจากการชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๑๒(๕) วรรคสอง ซึ่งกฎหมายมุ่งหมายให้กระทำได้ เพียงแต่อยู่ภายในเงื่อนไขที่ว่าธนาคารพาณิชย์ซึ่งได้รับอสังหาริมทรัพย์มาในกรณีดังกล่าวจะต้องจำหน่ายภายในเก้าปีนับแต่วันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของธนาคารพาณิชย์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ฉะนั้นการที่โจทก์รับโอนที่ดินและตึกพิพาทจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และไม่เป็นโมฆะ
พิพากษายืน

Share